COVID-19

สธ. ชงครม. อนุมัติงบซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ นัดไฟเซอร์เจรจาซื้อแพกซ์โลวิด

สธ. เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติวงเงินจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์สัปดาห์นี้ และนัดไฟเซอร์หารือการจัดซื้อยาแพกซ์โลวิดวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้

นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษา กรมการแพทย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดหายาโมลนูพิราเวียร์ว่า จะมีการเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติงบการจัดซื้อสัปดาห์นี้ คาดว่าจะขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนำมาใช้ได้ในช่วงธันวาคม 2564 หรือมกราคม 2565

ยาโมลนูพิราเวียร์

ส่วนยาแพกซ์โลวิด จะมีการหารือร่วมกับบริษัทไฟเซอร์ครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ หากมีความก้าวหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะพยายามจัดหายาที่มีคุณภาพ มารักษาผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยให้ได้ในเวลารวดเร็ว หากทำให้ประชาชนเข้าถึงยา 2 ชนิดนี้ได้ง่าย ก็จะช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี

สำหรับยารักษาโควิด 19 โมลนูพิราเวียร์และแพกซ์โลวิด เมื่อไวรัสโควิด 19 เข้าสู่ร่างกายจะจับกับตัวรับไวรัสและเข้าสู่เซลล์ จากนั้นจะใช้เอนไซม์โปรตีเอสเพื่อเพิ่มจำนวนโปรตีนออกมาแล้วถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมจาก RNA เป็น DNA เข้าไป ทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวนออกมามากขึ้น

ขณะที่ยาจะไปยับยั้งกระบวนการต่างๆ ของไวรัส โดย โมลนูพิราเวียร์และ แพกซ์โลวิดเป็นยาชนิดรับประทาน มีกลไกการทำงานต่างกัน ซึ่ง โมลนูพิราเวียร์จะยับยั้งการถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส ส่วน แพกซ์โลวิดจะยับยั้งเอนไซม์การสร้างโปรตีนที่ทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวน

นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ
นพ.อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ

ด้านประสิทธิผลของยาทั้ง 2 ตัวนี้ จากการให้ โมลนูพิราเวียร์ขนาดเม็ดละ 200 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 เม็ด รวม 800 มิลลิกรัม เป็นเวลา 5 วัน (40 เม็ดต่อคนในการรักษา) โดยให้จำนวน 385 คน และให้ยาหลอก 377 คน ติดตามผลในเวลา 29 วัน

การติดตามผลพบว่า ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 50% ในกลุ่มยาหลอกมีเสียชีวิต 8 ราย กลุ่มยาโมลนูพิราเวียร์ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย

ส่วนการให้ แพกซ์โลวิดขนาดเม็ดละ 150 มิลลิกรัม 2 เม็ดต่อครั้ง คู่กับยาริโทนาเวียร์ 100 มิลลิกรัม 1 เม็ดต่อครั้ง ให้วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน (ยาแพกซ์โลวิด 20 เม็ดและริโทนาเวียร์ 10 เม็ดต่อคนในการรักษา) โดยให้จำนวน 389 คน และให้ยาหลอก 385 คน

จากการติดตามผลในเวลา 28 วัน พบว่า หากได้รับยาภายใน 3 วันนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 89% หากรับยาภายใน 5 วันตั้งแต่เริ่มมีอาการประสิทธิผลจะอยู่ที่ 85%

ถือว่ายาทั้ง 2 ตัวมีประสิทธิผลช่วยไม่ให้อาการรุนแรงต้องเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ไหนยังไม่พบว่ามีอาการข้างเคียงรุนแรง

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นการเข้มมาตรการป้องกันโรคสูงสุดตลอดเวลา ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง จะช่วยลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อยามาใช้รักษา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo