COVID-19

วัคซีนเต็มแขน!! สธ.เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนแอสตร้าฯ 60 ล้านโดสรองรับปี 2565

สธ.เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนแอสตร้าฯ 60 ล้านโดส วงเงิน 18,000 ล้านบาท เตรียมพร้อมฉีดเป็นเข็มกระตุ้นในปี 2565 จัดส่งให้ครบภายใน 3 ไตรมาส

วันนี้ (29 กันยายน 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาวัคซีนโควิด 19 แอสตร้าเซนเนก้า สำหรับปี 2565 ระหว่าง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด

วัคซีนแอสตร้าฯ

นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ลงนามจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า สำหรับปี 2564 จำนวน 60 ล้านโดส ซึ่งเป็นวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศไทย ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต โดยทยอยผลิตและจัดส่งให้ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดเป็นไปตามสัญญา ทำให้ประเทศไทยสามารถจัดหา และดำเนินการกระจายและฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปี 2564 จะสามารถฉีดเข็ม 1 ได้ 85% ของประชากร และเข็ม 2 ครอบคลุม 74% ซึ่งขณะนี้ได้นำแอสตร้าเซนเนก้ามาฉีดเป็นเข็มที่ 2 ของสูตรไขว้ซิโนแวค ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ รวมถึงเป็นเข็มกระตุ้นให้แก่ผู้รับซิโนแวคครบ 2 เข็ม และอาจเป็นเข็มที่ 1 ของสูตรไขว้กับไฟเซอร์ต่อไป เพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น

อนุทิน1

นอกจากนี้ ในปี 2565 รัฐบาลมีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนต่าง ๆ เพื่อจัดหาวัคซีนฉีดเน้นเป็นเข็มกระตุ้น ซึ่งมีการจัดหาไว้อย่างเพียงพอ ล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสำหรับปี 2565 จำนวน 60 ล้านโดส จึงเป็นที่มาของการลงนามในวันนี้

การจากการลงนามสั่งซื้อวัคซีนแอสตร้าฯ 60 ล้านโดส จะทยอยจัดส่งในไตรมาสแรก 15 ล้านโดส ไตรมาสที่ 2 จำนวน 30 ล้านโดส และไตรมาสที่ 3 อีกจำนวน 15 ล้านโดส

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังได้รับสิทธิพิเศษเป็นประเทศแรก ๆ กรณีบริษัทพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 ซึ่งครอบคลุมสายพันธุ์กลายพันธุ์ต่างๆ ได้สำเร็จ หรือสามารถใช้เป็นวัคซีนสำหรับกลุ่มเด็กได้ จะสามารถเปลี่ยนเป็นวัคซีนรุ่นล่าสุดได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศไทยอย่างมาก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo