COVID-19

เข็มแรก 4 ต.ค.! ศธ. กางไทม์ไลน์ ‘ฉีดวัคซีนเด็กนักเรียน12-18 ปี’

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าในแนวทางฉีดวัคซีนนักเรียนอายุ12-18 ปี ระบุถ้าวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาตามที่ กระทรวงสาธารณสุขวางแผนไว้  จะเริ่มฉีดให้กับนักเรียนได้ ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมนี้ 

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายอัมพร พินะสา เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้ร่วมประชุม ชี้แจงทำความเข้าใจ ถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ของไฟเซอร์ ให้กับ นักเรียน นักศึกษา และการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง ต่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ประธานอาชีวศึกษาจังหวัด (อศจ.) ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และผู้แทนโรงเรียนเอกชน ทั่วประเทศรวมถึง ผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ ที่ให้บริการทางการศึกษาแก่เยาวชน

shutterstock 1184153368

นายสุภัทร กล่าวว่า หากวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาในเดือนตุลาคมนี้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้ ก็จะเริ่มฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด

 

กลุ่มเป้าหมาย คือนักเรียน นักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า โดยให้ฉีดในสถานศึกษาเป็นหลัก หากสถานศึกษาไหนมีพื้นที่จำกัด ให้ประสานไปยังกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ขอให้มหาวิทยาลัยเป็นฐานในการฉีดให้กับนักเรียนด้วย

แผนฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียน e1631808843294

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และกรุงเทพมหานคร จะบริหารจัดการวัคซีนภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร พร้อมกับประสานงาน ศธ. ศธจ. หรือหน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาในพื้นที่ เพื่อเตรียมการดำเนินงานให้วัคซีนนักเรียน สำรวจเป้าหมาย จัดทำแผนจัดสรร และกำหนดช่วงเวลาเข้ารับวัคซีน กำหนดสถานบริการฉีดวัคซีนให้กับแต่ละโรงเรียน โดยประสานผู้บริหารโรงเรียนเพื่อนำนักเรียนเข้ารับวัคซีน พร้อมกับกำกับติดตามรายงานผลการให้บริการในระบบ MoPH IC

ส่วนกรมควบคุมโรค จะทำหน้าที่จัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ และอุปกรณ์การฉีด แผนการฉีดวัคซีน ที่ได้จากสาธารณสุขจังหวัด โดย ศธ. จะกำกับติดตามการดำเนินงานให้วัคซีนนักเรียน ตามนโยบายของประเทศ พร้อมกับรวบรวมข้อมูลนักเรียนจากแต่ละสถานศึกษา และแจ้งแก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

ให้สถานศึกษาแต่ละแห่ง มีหน้าที่ชี้แจงผู้ปกครอง เพื่อสร้างความเข้าใจก่อนวันรับวัคซีน และจัดส่งคำแนะนำการฉีดวัคซีน และใบยินยอมให้นักเรียนฉีดวัคซีน แจ้งจำนวนนักเรียนที่จะเข้ารับวัคซีน แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผ่านระบบที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กำหนดไว้ และสถานพยาบาล มีหน้าที่จัดระบบให้บริการตามมาตรฐาน ได้แก่ ตรวจสอบใบยินยอม คัดกรอง ฉีดวัคซีน นัดหมาย ออกเอกสารรับรอง เฝ้าระวัง และบันทึกผลการให้บริการในระบบ MoPH IC และมีหน้าที่รับ-จ่ายวัคซีน จัดเก็บวัคซีนและรายงานสถานะคงคลัง

วัคซีนนักเรียน
สุภัทร จำปาทอง

กำหนดไทม์ไลน์สำหรับการฉีดวัคซีนนักเรียน

  • วันที่ 10-17 กันยายน 2564

สถานศึกษา จัดเตรียมรายชื่อและจำนวนนักเรียน ระหว่างนี้ ศธ.และ สธ.จัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อซักซ้อมความเข้าใจการฉีดวัคซีน และการทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง

  • วันที่ 17-22 กันยายน 2564

โรงเรียน สถานศึกษา จัดประชุมทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลกับผู้ปกครองในการฉีดวัคซีนให้เด็ก 12-18 ปี

  • วันที่ 2-24 กันยายน 2564

สถานศึกษาเชิญผู้ปกครองลงนามแจ้งความประสงค์ (ยินยอม) ให้นักเรียนเข้ารับวัคซีน อย่างไรก็ตาม หาก สธ.จัดทำแบบสำรวจ และใบยินยอมบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับนักเรียน/นักศึกษาเสร็จแล้ว ศธ.จะเร่งเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อให้สถานศึกษานำไปให้ผู้ปกครองกรอกต่อไป

  • วันที่ 25 กันยายน 2564

โรงเรียน สถานศึกษา นำส่งบัญชีรายชื่อนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนไฟเซอร์ แก่ ผู้อำนวยการ สพท. หรือ อศจ. แล้วนำส่ง ศธจ.

  • วันที่ 26 กันยายน 2564

ศธจ. ,ผู้อำนวยการ สพท. ,อศจ. ,ผู้แทนหน่วยงานการศึกษาในจังหวัดประชุมสรุปจำนวน และรายชื่อนักเรียน เพื่อนำส่งสาธารณสุขจังหวัด

  • วันที่ 28-30 กันยายน 2564

สาธารณสุขจังหวัด วางแผนการรับวัคซีน และกำหนดการฉีดวัคซีนรายโรงเรียน

  • วันที่ 1 ตุลาคม 2564 

โรงเรียน สถานศึกษา รับทราบกำหนดการและจัดเตรียมสถานที่

  • วันที่ 4 ตุลาคม 2564

เริ่มการฉีดวัคซีนแก่นักเรียน

timeline ฉัดวัคซีนนักเรียน e1631808874402

 

นายสุภัทร บอกด้วยว่า ในเดือนกันยายน และตุลาคม จะมีวัคซีนเพียงพอให้เด็กอายุ 12-18 ปี ที่อยู่ในระบบการศึกษาทั้งใน และนอกสังกัด ศธ. ประมาณ 4.3 ล้านคน ดังนั้น วัคซีนที่ได้รับมาเพียงพอสำหรับการฉีดทั้ง 2 เข็มให้กับนักเรียน

หากเด็กได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 วันช่วงสัปดาห์ที่ 1 ของเดือนตุลาคม จะสามารถฉีดเข็มที่ 2 ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมได้ ซึ่งจะทำให้การเปิดเรียน On-Site ในภาคเรียนที่ 2 วันที่ 1 พฤศจิกายน มีความเป็นไปได้มากขึ้น”

นอกจากฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนแล้ว ศธ. ยังประสานขอให้ สธ. เร่งฉีดวัคซีนให้ครูครบทุกคน จากข้อมูลขณะนี้พบว่า ครู และบุคลากรทางการศึกษา ในสังกัดรัฐ และเอกชน ได้รับวัคซีนไปแล้ว 72% เหลือประมาณ 1.7 แสนคน ที่รอฉีดวัคซีนอยู่

ด้านนายอัมพร เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า ขณะนี้ ผู้ปกครอง ครู และนักเรียน ต้องการให้เปิดเรียน On-Site หรือ เรียนที่โรงเรียนได้ จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะครูสร้างความเข้าใจให้ผู้ปกครอง เพื่อให้นักเรียนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ยิ่งฉีดได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่เด็กจะได้รับความปลอดภัยก็จะมีมากเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนให้เด็กต้องได้รับความสมัครใจจากผู้ปกครองด้วย เชื่อว่าถ้าเด็กรุ่นแรกที่ได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ และได้รับเข็ม 2 ช่วงสิ้นเดือนตุลาคม ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดเรียน On-Site ที่โรงเรียนในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ได้ และจะสามารถทยอยเปิดเรียนแบบ On-Site ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo