COVID-19

ประชาชนโดนเท ‘หมอนิธิพัฒน์’ แนะแนวทาง ดูแล-ฟื้นฟูปอดอักเสบ เมื่อรอดจากโควิด-19

“หมอนิธิพัฒน์” ชี้ประชาชนโดนเทจากฝ่ายนโยบาย ให้ทนอยู่กับโควิดยาวนาน แนะวิธีดูแลรักษาและฟื้นฟูปอดอักเสบ เมื่อรอดพ้นจากโควิด

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล แนะวิธีดูแลรักษาและฟื้นฟูปอดอักเสบ เมื่อรอดพ้นจากโควิด โดยระบุว่า

ฟื้นฟูปอดอักเสบ“ในเมื่อประชาชนต้องถูกฝ่ายนโยบายเท ให้ต้องทนอยู่กันไปกับโควิด ที่ระบาดต่อเนื่องยาวนาน มีความพยายามในของหลายภาคส่วน ที่จะช่วยลดผลกระทบของการสูญเสีย หนึ่งในนั้นคือ การดูแลรักษาและฟื้นฟูปอด เมื่อรอดพ้นจากโควิด

การเตรียมความพร้อมของปอด เป้าหมายคือ ลดโอกาสการเกิดโรคโควิด-19 และรักษาปอดไว้ให้แข็งแรง เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนหากเกิดปอดอักเสบโควิด โดย

1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ขณะออกกำลังกาย จะทำให้ปริมาตรอากาศไหลเข้าออกปอดในหนึ่งนาที เพิ่มขึ้นนับเป็นสิบเท่า ส่งผลให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจมีความแข็งแรง และถุงลมในส่วนต่าง ๆ ของปอด ถูกนำมาใช้ในการแลกเปลี่ยนก๊าซเต็มที่

เมื่อเกิดปอดอักเสบ เราจะทนทานต่อการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ผิดปกติได้นานขึ้น กล้ามเนื้อใช้หายใจที่แข็งแรง จะช่วยให้การไอขับเสมหะออกมา มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย

2. พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบหมวดหมู่ ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมระบบการป้องกันสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะเชื้อโรคที่ผ่านลงไปในหลอดลม และถุงลมปอด

LINE ALBUM cell virusโควิดใน ม ๒๑๐๙๑๕ 0

3. หลีกเลี่ยงมลภาวะทางอากาศ ที่สำคัญคือควันบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า ฝุ่นโดยเฉพาะ PM2.5 และก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง เนื่องจากจะทำให้เยื่อบุผิวของหลอดลม และถุงลมปอดถูกทำลาย ส่งผลต่อการที่เชื้อโรคจะทะลุทะลวง รุกล้ำเข้าไปในเนื้อเยื่อชั้นลึกได้ง่ายขึ้น

การดูแลรักษา ฟื้นฟูปอดอักเสบ หลังหายจากโควิด

การดูแลรักษาปอด ภายหลังหายจากโควิด เชื้อไวรัสซาร์โควี-2 ทำให้ผู้ติดเชื้อเกือบทั้งหมดเกิดปอดอักเสบ แต่ราว 50% จะเกิดปอดอักเสบ ที่ต้องได้รับการดูแลรักษาโดยแพทย์ มีผู้ป่วยราว 10-15% ที่แพทย์ต้องให้การรักษาด้วยออกซิเจนเสริม

นอกจากนี้ มีราว 5% ที่ปอดอักเสบรุนแรง จนถึงขั้นวิกฤติ จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยเครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ทั้งหมดนี้จะมีผู้เสียชีวิตโดยรวมประมาณ 1% ซึ่งกลุ่มคนซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงจนนำไปสู่การเสียชีวิต

ที่สำคัญคือ ผู้สูงอายุ มีโรคอ้วน เป็นเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี หรือไม่เคยรู้มาก่อน มีโรคไตเรื้อรังขั้นรุนแรง โดยเฉพาะรายที่ต้องบำบัดทดแทนไต (ฟอกไต) และ ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิดหรือฉีดแต่ยังไม่ครบหรือไม่นานพอ

ปอดอักเสบ

สำหรับกลุ่มผู้ป่วย ที่ฟื้นตัวจากปอดที่อักเสบรุนแรง (ที่พบประมาณ 5% ของผู้ป่วยโควิด-19 ดังที่กล่าวมาแล้ว) สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

กลุ่มแรก พบเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 80% ของผู้ป่วยกลุ่มนี้โดยรวม แพทย์มักสามารถหยุดใช้ออกซิเจนได้ ในระหว่างอยู่โรงพยาบาลช่วงหลังป่วยไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการหอบเหนื่อยเล็กน้อย หลังมีกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดินเข้าห้องน้ำ แต่หลังพักสักครู่ก็กลับเป็นปกติ และวัดค่าออกซิเจนปลายนิ้วได้ไม่ต่ำกว่า 92%

เอกซเรย์ปอดของผู้ป่วยจะค่อย ๆ กลับเป็นปกติภายใน 6 สัปดาห์ หรืออาจหลงเหลือแผลเป็นเล็กน้อยได้ กลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องทำการฟื้นฟูปอดเป็นพิเศษ ให้กลับไปใช้มาตรการการเตรียมความพร้อมของปอด ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

กลุ่มที่สอง พบรองลงมาราว 15-20% แพทย์สามารถค่อย ๆ หยุดใช้ออกซิเจนได้ ในระหว่างอยู่โรงพยาบาลหรือภายใน 6 สัปดาห์หลังออกจากโรงพยาบาล โดยมีผู้ป่วยส่วนหนึ่ง ยังมีลักษณะทางเอกซเรย์เข้าได้ กับปอดที่อักเสบหลังจากโควิด (เชื้อหมดไปแล้วแต่ยังเหลือการอักเสบอยู่)

ฟื้นฟูปอดอักเสบ

แพทย์จะให้การรักษาด้วยยาต้านการอักเสบ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสเตียรอยด์ชนิดกิน โดยจะค่อย ๆ ลดขนาดยาลงจนหยุดได้ เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ออกซิเจน และเริ่มทำกิจวัตรประจำวันได้ โดยไม่หอบเหนื่อย เหมือนในผู้ป่วยกลุ่มแรก

กลุ่มนี้ต้องอาศัยการทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูปอด และร่างกายส่วนอื่นไปอย่างน้อย จนกว่าจะสามารถหยุดใช้ออกซิเจน แล้วจึงกลับไปสู่มาตรการการเตรียมความพร้อมของปอด ในระหว่างนี้ต้องดูแลด้านโภชนาการ ด้านสภาพจิตใจ และด้านโรคประจำตัวอื่นถ้ามี ให้เหมาะสมควบคู่กันไปด้วย

กลุ่มสุดท้าย พบได้ไม่เกิน 1-2% แพทย์ไม่สามารถให้หยุดใช้ออกซิเจนได้ เป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์หลังจากป่วย โดยมีบางรายที่หายใจด้วยตัวเองตามปกติไม่ได้ และต้องทำการเจาะคอไว้ เพื่อช่วยในการหายใจ มีน้อยรายต้องอยู่โรงพยาบาลนาน เพราะไม่สามารถหยุดใช้เครื่องช่วยหายใจได้ หรือถ้ามีความพร้อมแพทย์ จึงให้กลับไปใช้เครื่องช่วยหายใจต่อเนื่องที่บ้าน

กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็นภาระต่อครอบครัวและญาติ รวมถึงระบบสุขภาพอย่างมาก ในบางรายแพทย์ อาจพิจารณาให้ยาต้านการเกิดพังผืดในปอด หรือเสนอให้ทำการผ่าตัดเปลี่ยนปอด เมื่อมีข้อบ่งชี้และมีความพร้อม

การทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูปอดเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักกายภาพบำบัด เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วย ประสบความสำเร็จในการกลับมาหายใจได้ดีด้วยตัวเองบางส่วน หรือเกือบทั้งหมด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo