COVID-19

เด็กไทย ควรฉีดวัคซีนตัวไหน ‘หมอเฉลิมชัย’ รวมข้อมูลให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

“หมอเฉลิมชัย” รวมข้อมูล ฉีดวัคซีนในเด็ก ระหว่าง ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ต้องพิจารณาจาก 3 มิติ รวมทั้งความคืบหน้าการขออนุญาต

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chalermchai Boonyaleepun รวมข้อมูล ฉีดวัคซีนในเด็ก ระหว่าง ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ โมเดอร์นา เพื่อการตัดสินใจเลือก โดยระบุว่า

ฉีดวัคซีนในเด็ก

“เด็กไทยควรฉีดวัคซีนโควิดตัวไหนดี ระหว่าง ซิโนแวค (Sinovac) ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ไฟเซอร์ (Pfizer) และ โมเดอร์นา (Moderna)

ในสถานการณ์โควิดกำลังเป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก กินเวลากว่าหนึ่งปีเศษแล้วนั้น ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นกลุ่มที่มีรายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการฉีดวัคซีนน้อยที่สุด

เพราะนักวิจัยมักจะหลีกเลี่ยงการทดลองในอาสาสมัครเด็กเสมอ โดยจะเริ่มทำการทดลองในอาสาสมัครที่เป็นผู้ใหญ่ก่อน หลังจากนั้นก็จะขยับมาทำการทดลองในผู้สูงอายุ และจะเลือกทดลองในเด็กเป็นลำดับสุดท้าย

เพราะเด็กเป็นวัยที่เปราะบาง ร่างกายยังไม่สมบูรณ์แข็งแรง และจิตใจก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ

ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครอง มักจะไม่ยินยอมให้เด็กเข้าสู่การทดลองใดใดทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องการทดลองยา หรือวัคซีน
โดยในช่วงเริ่มต้น เราจะมีรายงานการศึกษาเกี่ยวกับวัคซีนในอาสาสมัครอายุ 18-59 ปีเป็นหลัก แล้วจะเริ่มขยับไปทดลองในกลุ่มสูงอายุ ที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป

ส่วนการทดลองในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา ก็จะเป็นกลุ่มสุดท้าย และจะค่อยทดลองจากอายุมาก ขยับลงไปหาอายุน้อยที่สุดเป็นลำดับ

ฉีดวัคซีนในเด็ก

จนถึงปัจจุบัน ทุกวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ฉีดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะกำหนดให้ฉีดในผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ยกเว้นของ Pfizer ที่ทดลองในเด็กอายุ 16 ปีขึ้นไป

ต่อมาเริ่มมีการวิจัยการให้วัคซีนในผู้ที่อายุต่ำกว่า 16 ปี และมีข้อสรุปดังนี้

1. ในเด็กและเยาวชนที่อายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป สามารถฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna ได้ในประเทศที่ได้รับการอนุมัติให้ฉีดในสถานการณ์ฉุกเฉิน

2. ในกลุ่มที่มีการทดลองยังไม่สมบูรณ์ และให้เริ่มฉีดได้เลย ได้แก่

  • ชิลี ให้ฉีดได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบเป็นต้นไป
  • คิวบา ให้ฉีดในเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไปได้

3. ในส่วนที่ทำการวิจัยทดลองยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยังไม่อนุญาตให้ฉีดเป็นการทั่วไป ได้แก่

  • วัคซีนของ Pfizer และ Moderna กำลังทดลองฉีดในอายุตั้งแต่ห้าขวบขึ้นไป
  • วัคซีนของ Sinovac และ Sinopharm กำลังทดลองฉีดในเด็กอายุสามขวบขึ้นไป

สำหรับในประเทศไทย โดยคำแนะนำของสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ ได้แนะนำ

1. ยังไม่ฉีดเป็นการทั่วไป ในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีลงมา

2. เด็กอายุ 12-15 ปี ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงคือมีโรคประจำตัวที่อาจจะเป็นอันตราย ให้พิจารณาฉีดวัคซีนได้

หมอเฉลิมชัย111 e1629549870376
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ

ข้อพิจารณา ฉีดวัคซีนในเด็ก จาก 3 มิติ

ก็จะมาถึงปัญหาของคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองว่า ถ้าลูกตนเองอยู่ในกลุ่มที่จะฉีดวัคซีนได้แล้ว จะฉีดวัคซีนบริษัทไหนดี ด้วยเหตุผลว่าอะไร คงจะต้องพิจารณาจาก 3 มิติด้วยกัน

1. มิติผลข้างเคียง วัคซีนเทคโนโลยี mRNA เป็นเทคโนโลยีใหม่ ยังไม่เคยผลิตเป็นวัคซีนและฉีดให้เด็กและเยาวชนมาก่อนเลย และเริ่มพบมีปัญหากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในเด็กและเยาวชนผู้ชายพอสมควร พบประมาณ 5 รายใน 1 ล้านโดส
ส่วนวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย ได้เคยผลิตวัคซีน แล้วนำมาฉีดในเด็กและเยาวชนมาหลายสิบปีแล้ว จึงมีความสบายใจได้ในเรื่องผลข้างเคียง

2. มิติประสิทธิผล วัคซีนเทคโนโลยี m RNA มีประสิทธิผลสูงกว่าเทคโนโลยีเชื้อตาย

3. มิติการเจ็บป่วยจากโควิด พบว่าในเด็กและเยาวชน เมื่อติดโควิดแล้วจะไม่ค่อยแสดงอาการ ในรายที่แสดงอาการ ก็จะมีอาการไม่ค่อยรุนแรง และมีจำนวนป่วยหนักและเสียชีวิตค่อนข้างน้อย

โดย 3 มิติดังกล่าวข้างต้น คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองจึงต้องชั่งใจ ให้ครบถ้วนว่า จะฉีดวัคซีนให้บุตรหลานตนเองหรือไม่อย่างไร และจะฉีดด้วยวัคซีนอะไรดี

สำหรับในประเทศไทย อย.ได้จดทะเบียนให้วัคซีน Pfizer กับ Moderna สามารถฉีดในอายุ 12 ปีขึ้นไปได้

ส่วนวัคซีนเทคโนโลยีเชื้อตาย Sinopharm ได้ยื่นขอจดทะเบียนฉีดในเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปแล้ว กำลังรอผลการพิจารณา

ส่วนวัคซีน Sinovac จะยื่นขอจดทะเบียนในเร็ววันนี้ สำหรับฉีดในเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo