หมอธีระวัฒน์ ยกจีน ป้องกันการปะทุของสายพันธุ์เพี้ยนได้ผล จากการกดดันไวรัส ควบคุม ทั้งภายในร่างกายมนุษย์ และภายนอก ชี้ต้องบุก รวดเร็ว รุนแรง เข้มข้น และต่อเนื่อง
ศ.นพ.ธีระน์วัฒ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” ยกตัวอย่างการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของประเทศจีน ที่สร้างแรงกดดันไวรัส ไม่ให้แพร่กระจายเชื้อ โดยระบุว่า
“บุก รวดเร็ว รุนแรง เข้มข้น และต่อเนื่อง ทั้งหมดต้องทำพริอมกัน แยกส่วนไม่ได้ ถ้าต้องการประกาศอิสรภาพ หรือถ้าเช่นนั้นก็ยอมโอนอ่อน
การป้องกันการปะทุของสายพันธุ์เพี้ยนเหล่านี้ คงต้องยกให้ประเทศจีน เป็นประเทศที่ใช้บริบทของ การควบคุมภายในร่างกายมนุษย์ และภายนอกร่างกายมนุษย์
นั่นคือ การสร้างแรงกดดันอย่างรุนแรง ไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อ จากคนหนึ่งไปหาคนอื่น รวมทั้งทำความสะอาดพื้นผิวสาธารณะต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ และมีการเข้มงวดตรวจคัดกรอง และแยกตัวออกทันทีที่วินิจฉัยได้ว่า มีการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม
ดังจะเห็นได้จาก การที่สามารถตรวจคนได้เป็น 1,000,000 คนภายในระยะเวลาไม่กี่วัน ในพื้นที่หนึ่ง
การสร้างแรงกดดันที่สำคัญ ต่อเชื้อที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ ได้แก่ การวินิจฉัยได้เร็วที่สุด และให้การรักษาเร็วที่สุด ตั้งแต่นาทีแรกควบรวมการใช้สมุนไพรที่มีดาษดื่น และขึ้นทะเบียน ในระบบสาธารณสุขของจีนอยู่แล้ว และยกระดับเป็นขั้นเป็นตอน ควบกับการรักษาแผนปัจจุบัน และแม้กระทั่งการจัดท่าของคนที่ติดเชื้อลงปอด ให้เป็นท่านอนคว่ำ ก็เป็นกลยุทธ์ที่ประเทศจีนใช้ก่อน
แรงกดดันที่สำคัญอีกประการ คือ การใช้วัคซีน เป็นจำนวนมหาศาลในเวลารวดเร็ว ให้แก่ประชากร มากกว่าที่คิดตัวเลข 60% แต่เป็นเกือบทั้งประเทศ ยกเว้นในเด็ก ซึ่งในระยะแรกข้อมูลความปลอดภัย อาจจะยังไม่พอ แต่ในปี 2564 นี้เอง ที่ประเทศจีนใช้วัคซีนที่มีอยู่ดั้งเดิมที่เป็นเชื้อตาย ฉีดให้แก่เด็กด้วย
การให้วัคซีนอย่างเข้มข้นเช่นนี้ เป็นการปิดโอกาส หรือเปิดโอกาสน้อยที่สุด ให้กับไวรัส ที่จะมีการแพร่กระจายจากคนสู่คน ไปเป็นลูกโซ่ และกดดันไม่ให้มีการกลายพันธุ์ หรือรหัสพันธุกรรมเพี้ยน จนกระทั่งสามารถตั้งตัวกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่
ลักษณะเช่นนี้แตกต่างกับประเทศทางตะวันตก แม้กระทั่งประเทศสหรัฐอเมริกาเอง ก็มีสายพันธุ์เอปซิลอน ซึ่งถือว่าเป็นสายพันธุ์เพี้ยนที่กำเนิดขึ้นในพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนียเอง หลังจากที่มีการระบาดที่ควบคุมไม่ได้อยู่ช่วงเวลาเป็นปี
ลักษณะของการปล่อยให้มีการระบาดตามธรรมชาติ และก่อให้เกิดลักษณะของภูมิคุ้มกันหมู่ ที่เรียกว่า herd immunity โดยคนในพื้นที่มีการติดเชื้อมากกว่า 60% โดยคนที่มีอาการรุนแรงก็ตายไป หรือเข้าโรงพยาบาลอาการหนักไป ดังที่เห็นในเขตมาเนาส์ ของเปรู
ภายในครึ่งปีแรกของปี 2563 มีการติดเชื้อเสียชีวิตเข้าโรงพยาบาลอย่างมากมาย แต่เมื่อถึงครึ่งปี พบว่าคนป่วยอาการหนักเสียชีวิตเข้าโรงพยาบาลกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด และทำให้การรักษาวินัยส่วนบุคคล การรักษาระยะห่างล้มเหลวไปหมด
ดังนั้น เกิดการระบาดเงียบ ๆ มายังคนในพื้นที่นั้น จนกระทั่งไวรัสสายเพี้ยน พัฒนาขึ้นดังเช่น เป็นสายเปรู และในเดือนธันวาคมของปี 2563 จึงเกิดมีการระบาด อาการหนัก ในพื้นที่ดังกล่าวใหม่
สร้างแรงกดดันไวรัส ต้องเข้มข้น-สม่ำเสมอ
ดังที่กล่าวไว้ตอนต้น การสร้างแรงกดดันต่อไวรัสต้องเข้มข้นตลอดเวลาและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นที่มาของการที่ ไวรัสสายเพี้ยน เราต้องการวัคซีนที่ดีที่สุด และสามารถคุมไวรัสที่มีเยอะที่สุดในขณะนี้
ยกตัวอย่างเช่น สายเดลตาและอัลฟา ที่ต้องพูดถึงอัลฟา เพราะแม้แต่ในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคม ยังมีผู้ป่วยอาการหนักอายุตั้งแต่ 40 ถึง 80 ปีที่ติดเชื้อด้วยอัลา และดูเหมือนว่ายาฟาวิพิราเวียร์ จนกระทั่งยาฉีดเรมเดซิเวียร์ เอาไม่อยู่หรือแทบเอาไม่อยู่
การฉีดวัคซีนที่ว่าต้องครอบคลุม ทำให้ได้ถึง 80- 90% ของประชาชนในระยะเวลาเร็วที่สุดภายในสามเดือน โดยที่ในเด็กเล็กอายุตั้งแต่สองขวบจนกระทั่งถึง 15 ปี สามารถใช้วัคซีนเชื้อตาย อย่างที่ประเทศจีนได้นำมาใช้
แม้ว่าจะกันการติดของเดลตา ไม่ดีเท่ากับวัคซีนอื่น แต่สามารถลดอาการหนัก หรือเสียชีวิตได้ การรุกหนักอย่างเข้มข้นรวดเร็ว จะกันไม่ให้มีการกลายพันธุ์ภายในพื้นที่ เหมือนกับสายพันธุ์
เอปซิลอน ในสหรัฐฯที่แพร่ไปหลายสิบประเทศแล้ว จนกระทั่งถึงปากีสถาน และแน่นอนไม่ช้าไม่นานคงจะเข้าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกระทั่งถึงประเทศไทย
แต่การให้วัคซีนเข้มข้น รวดเร็ว ต้องร่วมกับการคัดกรอง การติด และแยกตัว และวินัยพร้อม ๆ กัน ดังเช่น รายงานจากคณะผู้วิจัยในวารสารเนเจอร์ ปลายเดือนกรกฎาคม 2564 และในเวลาถัดมา จะมีวัคซีนครอบจักรวาล (broad spectrum vaccine) ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันการตายจากสายพันธุ์ที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ และสายพันธุ์ที่จะมีการเพี้ยนในอนาคต
และเมื่อถึงเวลานั้น อาจมีทางเป็นไปได้ว่า จะเป็นวันแห่งการประกาศอิสรภาพใช้ชีวิตอย่างเดิม โดยที่ไม่ต้องคิดอยู่ทุกวันเมื่อออกจากบ้านว่ากำลังจะไปรบ และวันนี้จะเหยียบกับระเบิดตายหรือไม่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระวัฒน์’ ลั่นถึงเวลา เด็กเล็กถึงโต และวัยรุ่นควรฉีดวัคซีน ‘เชื้อตาย’ ปลอดภัยสุด
- ‘หมอธีระวัฒน์’ ลั่น ‘การคัดกรอง’ จำเป็นสูงสุด ATK ต้อง ‘ไม่ห่วย-ไม่โก่งราคา’
- ‘หมอธีระวัฒน์’ บอกสงครามอีกยาวนาน-รุนแรง สายพันธุ์ใหม่ดาหน้ามาเรื่อยๆ