ศบค. สั่งยกระดับดูแล “หญิงตั้งครรภ์” ให้โรงพยาบาลติดตามกลุ่มอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์มาฉีดวัคซีน ถ้าคลอด กลับบ้านไปแล้ว ก็ต้องตามมาฉีดวัคซีนด้วย
วันนี้ (3 ก.ย.) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวระหว่างแถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประจำวัน ถึงกรณีของหญิงตั้งครรภ์ กับการติดเชื้อ
พญ.อภิสมัย ระบุว่า กรมอนามัย ได้นำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุม ศบค. ชุดเล็ก กรณีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ ซึ่งมีรายงานประปรายมาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่แล้ว แต่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพียงเดือนเดียว มีอัตราการติดเชื้อแบบก้าวกระโดด สูงถึง 1,506 ราย และเสียชีวิตถึง 47 ราย หรือ โดยเฉลี่ยวันละ 1-2 ราย
ในจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่เสียชีวิตนั้น มีอัตราส่วนทารกเสียชีวิตพร้อมแม่ 50% ส่วนอีก 50% แพทย์สามารถช่วยไว้ได้ ทั้งหลังคลอดแล้ว ก็ยังพบการติดเชื้อ ระหว่างการให้นมบุตรด้วย
กรมอนามัยได้หารือกับทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของกระทรวงแรงงาน ที่แม่เหล่านี้เป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมาก กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และทีมวิชาการ คือ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ข้อสรุปร่วมกัน และนำเสนอที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) และนำเสนอ ศปก.ศบค เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.)
ฉีดวัคซีน หญิงตั้งครรภ์ ทุกคน
ที่ประชุมมีความเห็นว่า ขอให้ทุกโรงพยาบาล ที่รับดูแลหญิงฝากครรภ์ หากมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ขอให้เร่งติดตามมารับวัคซีนที่โรงพยาบาล ถ้าคลอด หรือกลับบ้านไปแล้ว ก็ต้องตามมารับวัคซีนด้วย
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ก็จะมีมาตรการดูแลรักษา โดยในกรณีหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อนั้น ขอให้โรงพยาบาลที่รับฝากครรภ์ เป็นผู้ดูแล และกรณีที่โรงพยาบาลไม่มีศักยภาพ หรือไม่มีความพร้อม ขอให้ส่งต่อ เหมือนระบบการส่งต่อผู้ป่วยติดเชื้อโควิด ยกเว้นแต่กรณีฉุกเฉิน อาจมีภาวะอันตราย ให้นำส่งโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ ที่ใกล้ที่สุด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอเบิร์ท’ แจงละเอียด ‘เงื่อนไขเปิดร้านอาหาร’ ย้ำ ยังไม่บังคับ ขอคนพร้อมทำก่อน
- คลายล็อกวันแรก! ‘บิ๊กตู่’ ชี้หากสถานการณ์ดีขึ้นจ่อลด-เลิกประกาศเคอร์ฟิว
- รพ.จุฬาฯ เปิดให้ ‘ผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์-เด็ก’ ลงทะเบียนรับไฟเซอร์ ย้ำ! ไม่รับ Walk-in
