“หมอเฉลิมชัย” เผย องค์การอนามัยโลก ประกาศ ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “มิว” มีแนวโน้มดื้อต่อวัคซีนหลากหลายชนิด จัดเป็นไวรัสที่ต้องจับตามอง ลำดับที่ 5 ระบาดหนักในโคลัมเบีย
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chalermchai Boonyaleepun องค์การอนามัยโลก ประกาศให้ไวรัสพันธุ์ใหม่ ชื่อ “มิว” จัดเป็นไวรัสที่ต้องจับตามองลำดับที่ 5 ต่อจาก แลมป์ด้า เนื่องจากมีแนวโน้มดื้อวัคซีน โดยระบุว่า
“ด่วน !! องค์การอนามัยโลกประกาศว่า ไวรัส “มิว” มีแนวโน้มจะดื้อต่อวัคซีนหลากหลายชนิด จัดเป็นไวรัสที่ต้องจับตามอง (VOI)
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกรายงานประจำสัปดาห์ แจ้งให้ทั่วโลกทราบว่า ได้เพิ่มเติมไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชื่อมิว( Mu) ให้อยู่ในกลุ่มไวรัสที่ต้องจับตามอง (VOI : Variant of Interest ) ซึ่งมีอยู่แล้ว 4 ชนิด มิวจึงจัดเป็นลำดับที่ห้า
เหตุผลที่ต้องจัดให้ไวรัสมิวอยู่ในกลุ่มที่ต้องจับตามอง เพราะจากการศึกษาตำแหน่งที่มีการกลายพันธุ์ของไวรัสชนิดนี้
ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ไวรัสจะดื้อต่อภูมิคุ้มกัน และสามารถเจาะระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ อันจะทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลง หรือดื้อต่อวัคซีนนั่นเอง
ไวรัสชนิดนี้ พบเป็นครั้งแรกที่ประเทศโคลัมเบีย ในเดือนมกราคม 2564 ขณะนี้แพร่ระบาดคิดเป็น 39% ของประเทศโคลัมเบีย และระบาดในประเทศเอกวาดอร์ 13%
แต่ยังไปไม่มากนักในระดับโลก พบเพียง 0.1% แต่เคยระบาดเป็นกลุ่มก้อนในยุโรป สหรัฐอเมริกา และอเมริกาใต้มาแล้ว
ไวรัสนี้มีรหัสเรียกว่า B.1.621
องค์การอนามัยโลกแจ้งว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ชัดเจนของไวรัสชนิดนี้ว่า จะมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด
การจัดกลุ่มของไวรัสก่อโรคโควิดแยกเป็นสองระดับได้แก่
กลุ่มที่น่าเป็นกังวล ( VOC : Variant of Concern ) มีสี่สายพันธุ์ ประกอบด้วย
- อัลฟา พบกันยายน 2563
- เบตา พบพฤษภาคม 2563
- แกมมา พบพฤศจิกายน 2563
- เดลตา พบตุลาคม 2563
ในขณะที่ไวรัสกลุ่มรองลงมาคือกลุ่มที่ต้องจับตามอง (VOI) ประกอบด้วย
1. อีต้า-Eta พบธันวาคม 2563
2.) ไอโอต้า-Iota พบพฤศจิกายน 2563
3. แคปป้า-Kappa พบตุลาคม 2563
4. แลมป์ด้า-Lambda พบธันวาคม 2563
และลำดับที่ห้า สายพันธุ์ใหม่ ล่าสุดมิว พบเมื่อมกราคม 2564
ไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคโควิด-19 เป็นไวรัสที่สร้างปัญหาให้ชาวโลกต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างมาก เพราะตลอดระยะเวลา ตั้งแต่ธันวาคม 2562 เป็นต้นมา มีการกลายพันธุ์ไปแล้วอย่างน้อย 39 สายพันธุ์หลัก และอีกหลายสิบสายพันธุ์ย่อย
แต่ละสายพันธุ์ ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไป และมีโอกาสเป็นไปได้ ที่จะมีบางสายพันธุ์ ทั้งแพร่เร็ว ดุร้ายก่อให้เกิดอาการหนัก และดื้อต่อวัคซีน
ถ้าเราเจอไวรัสที่กลายพันธุ์ ในลักษณะอย่างนั้น โลกคงจะอยู่ในสถานการณ์วิกฤติของโรคระบาดครั้งใหญ่ทีเดียว
การลดความเสี่ยง ไม่ให้ไวรัสกลายพันธุ์ง่ายคือ การเร่งฉีดวัคซีนให้ไวรัส หยุดระบาดหรือกลายเป็นโรคประจำถิ่นธรรมดา และมีวินัยในการป้องกันตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดขนาดใหญ่ เพราะไวรัสจะกลายพันธุ์ได้มาก ถ้ามีการระบาดติดเชื้อกว้างขวางมาก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ระทึกโลก!! ค้นพบไวรัสพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์เร็วกว่าสายพันธุ์เดิมเกือบ 2 เท่า ลามแล้วหลายประเทศ
- ตะลึง! หายป่วยโควิดแล้ว ไม่มีภูมิคุ้มกันเหลือพบตั้งแต่ 5-85%
- นิวซีแลนด์ เสียชีวิตรายแรก หลังฉีดไฟเซอร์ ‘หมอเฉลิมชัย’ แนะเลือกฉีดแบบไหนเสี่ยงน้อยที่สุด