“หมอเบิร์ท” แจงละเอียด เงื่อนไขเปิดร้านอาหาร สถานประกอบการ และสถานให้บริการต่าง ๆ ย้ำ ยังไม่ได้บังคับ แต่ขอคนที่พร้อมทำก่อน ระบุ หน่วยงานภาครัฐ และส่วนที่เกี่ยวข้อง จะระดมให้ความช่วยเหลือ เพื่อทำให้พร้อมให้ได้
วันนี้ (31 ส.ค.) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวระหว่างการแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในประเทศไทย ถึง มาตรการควบคุมแนวใหม่ ว่า มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แนวใหม่ นี้ ศบค.ให้ความเห็นชอบ ตามที่ กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (27 ส.ค.)
อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำว่า มาตรการเหล่านี้ จริง ๆ แล้วเป็นผู้ประกอบการ สมาคม สภาหอการค้าต่าง ๆ เป็นผู้เสนอมาให้พิจารณา ซึ่ง ศบค. ก็เห็นชอบ เป็นมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แนวใหม่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างปลอดภัย
พญ.อภิสมัย ระบุว่า ในส่วนนี้ ต้องเน้นย้ำว่า เป็นการดำเนินมาตรการแบบค่อยเป็นค่อยไป อนุญาตให้เปิดกิจการแบบทยอยเปิด โดยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป ที่อนุญาตให้เปิดกิจการนั้น มีผลใน 29 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด
ในส่วนที่มีประชาชนสอบถามเข้ามามาก และมีข้อถกเถียงกัน คือ เรื่องของการฉีดวัคซีน และการตรวจหาเชื้อ สำหรับใช้ในสถานประกอบการ ร้านอาหาร หรือสถานให้บริการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาตรการ COVID Free Setting
เงื่อนไขเปิดร้านอาหาร สถานประกอบการ และสถานให้บริการต่าง ๆ ยังไม่ได้บังคับ
พญ.อภิสมัย ย้ำว่า เงื่อนไขเปิดร้านอาหาร สถานประกอบการ และสถานให้บริการต่าง ยังไม่ได้เป็นการบังคับ แต่เป็นการขอความร่วมมือ พยายามให้เป็นการสร้างแรงจูงใจกับผู้ประกอบการ เป็นการนำร่อง จังหวัดใดพร้อม พื้นที่ หรือสถานประกอบการใดพร้อม สามารถดำเนินการตามมาตรการได้เลย
ในส่วนของ COVID Free Setting คือ สถานประกอบการปลอดโควิด มีองค์ประกอบ 3 ส่วนด้วยกัน โดยในอันดับแรกนั้น ถ้าเป็นร้านอาหาร เป็นสถานประกอบการ สามารถทำข้อ 1 ผ่านได้โดยง่าย เป็นสิ่งที่คุ้นเคย ทำกันมาตลอด 1 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา คือ เรื่องของสิ่งแวดล้อม และสุขาภิบาล ขอให้ทุกจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ ให้ทุก ๆ ร้านอาหาร หรือสถานประกอบการ หรือใช้กับโรงเรียน และสถานบริการต่างๆ ที่จะมีผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ ทำตาม
ข้อแรก ในเรื่องสุขาภิบาล มีคู่มือเข้าไปศึกษาได้ใน Thai Stop COVID+ ของกรมอนามัย เข้าไปศึกษาในรายละเอียดได้ หรือขอความร่วมมือจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้เป็นพี่เลี้ยงทำมาตรการข้อ 1 ผ่านไปได้ง่าย
ข้อที่ 2 ที่ทุกคนก็หนักใจ ในส่วนของพนักงาน เจ้าหน้าที่ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้ มีการกำหนดไว้ว่า จะต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ และตรวจ ATK หาเชื้ออย่างสม่ำเสมอทุก ๆ สัปดาห์
ส่วนที่พร้อม น่าจะเป็นจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนคืบหน้าไปค่อนข้างมาก คือ กทม. และปริมณฑล ส่วนจังหวัดควบคุมสูงสุด และเข้มงวดที่เหลืออยู่อีก 23 จังหวัด เข้าใจว่า อาจจะยังไม่พร้อม ก็คงต้องขออภัย การกระจายวัคซีนอาจจะยังไม่ทั่วถึง ต้องเน้นย้ำว่า ไม่ได้มีการบังคับถ้ายังไม่พร้อม
ส่วนที่พร้อม ต้องเรียนว่า อย่างร้านอาหารบางร้าน ขึ้นป้ายว่า พนักงานฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว อันนี้เขาเตรียมกันมาก่อนหน้าแล้ว อาจจะเป็นพื้นที่เสี่ยง ที่ได้รับการปูพรมฉีดวัคซีนไปแล้ว ทำให้ผ่านข้อ 2 ไปได้โดยง่าย
สำหรับการจัดหาชุดตรวจ ATK มาตรวจ บางร้านที่มีพนักงานจำกัด อาจจะไม่เดือดร้อน สำหรับการจัดหาชุดตรวจ ATK มาให้อย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับบางร้าน บางสถานประกอบการ ที่มีพนักงานเป็นจำนวนมาก ก็เข้าใจ
แต่อย่างที่เรียน ท่านมีหน้าที่สำรวจความพร้อม และขอความช่วยเหลือ และทุกหน่วยภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จะระดมความช่วยเหลือ ทำให้พร้อมให้ได้
“เราปักหลักกันว่า น่าจะเป็น 1 ตุลาคม ที่ความพร้อมจะเห็นชัดยิ่งขึ้น วันนี้ไม่พร้อม แต่เราจำเป็นต้องเริ่ม เพื่อให้เห็นทิศทาง และหลาย ๆ คน ที่ยังไม่พร้อมวันนี้ ก็จะได้มีมาตรการว่า จะต้องเตรียมการวันหน้าอย่างไร”
ในส่วนของผู้ใช้บริการ หรือลูกค้า ก็ขอให้แต่ละจังหวัดช่วยผ่อนผันก่อน เพราะวัคซีนอาจจะยังไม่ทั่วถึง การจัดหา ATK มาตรวจ ยังอาจหาไม่ได้ อย่ากให้ทางร้านจัดหาทางออกร่วมกัน กลุ่มที่พร้อม จังหวัดก็สามารถจัดการได้เลย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เริ่มวันนี้! ‘ชลบุรี’ คลายล็อกดาวน์ ทำอะไรได้บ้าง เช็คเลย
- คลายล็อกวันแรก! ‘บิ๊กตู่’ ชี้หากสถานการณ์ดีขึ้นจ่อลด-เลิกประกาศเคอร์ฟิว
- ราชกิจจานุเบกษา ประกาศเกณฑ์คลายล็อกดาวน์ 1 กันยายน 2564
