COVID-19

กดดันไวรัส ไม่ให้กลายพันธุ์ ‘หมอธีระวัฒน์’ ลั่นต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 80-90% ใน 3 เดือน

หมอธีระวัฒน์ ยกจีน บุกเร็ว แรง เข้มขัน กดดันไวรัส ป้องกันสายพันธุ์เพี้ยน แนะไทยต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 80-90% ใน 3 เดือน หวั่นซ้ำรอย แอปซิลอน กลายพันธุ์ในสหรัฐ

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ถึงปัญหาไวรัสกลายพันธุ์ในประเทศ เช่น แอปซิลอน กลายพันธุ์ในสหรัฐ โดยยกประเทศจีน เป็นตัวอย่างป้องกันเกิดไวรัสกลายพันธุ์ ด้วยกลยุทธ์ บุกเร็ว แรง เข้มขัน กดดันไวรัส โดยระบุว่า

ไวรัส

“การป้องกันการปะทุของสายพันธุ์เพี้ยนเหล่านี้ คงต้องยกให้ประเทศจีน เป็นประเทศที่ใช้บริบท ของการควบคุมภายในร่างกายมนุษย์ และภายนอกร่างกายมนุษย์ ในการคุมสายพันธุ์เดิมในพื้นที่ ไม่ให้กลายเพี้ยน แต่จน 2564 นี้ มีการรุกล้ำจากเดลต้าเช่นกัน

กลยุทธที่ใช้ นั่นคือ การสร้างแรงกดดันอย่างรุนแรง ไม่ให้มีการแพร่กระจายเชื้อ จากคนหนึ่งไปหาคนอื่น รวมทั้งทำความสะอาดพื้นผิวสาธารณะต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ
และมีการเข้มงวดตรวจคัดกรอง และแยกตัวออกทันที ที่วินิจฉัยได้ว่ามีการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ดังจะเห็นได้จากการที่สามารถตรวจคนได้เป็น 1,000,000 คนภายในระยะเวลาไม่กี่วันในพื้นที่หนึ่ง และมีวินัยสูงสุด

การสร้างแรงกดดันที่สำคัญ ต่อเชื้อที่อยู่ในร่างกายมนุษย์ได้แก่ การวินิจฉัยได้เร็วที่สุด และให้การรักษาเร็วที่สุด ตั้งแต่นาทีแรก ควบรวมการใช้สมุนไพรที่มีดาษดื่น และขึ้นทะเบียนในระบบสาธารณสุขของจีนอยู่แล้ว และยกระดับเป็นขั้นเป็นตอน ควบกับการรักษาแผนปัจจุบัน และแม้กระทั่งการจัดท่า ของคนที่ติดเชื้อลงปอดให้เป็นท่านอนคว่ำ ก็เป็นกลยุทธ์ที่ประเทศจีนใช้ก่อน

ใช้วัคซีนมหาศาลในเวลารวดเร็ว สร้างแรงกดดันไวรัส

แรงกดดันที่สำคัญอีกประการคือ การใช้วัคซีน เป็นจำนวนมหาศาลในเวลารวดเร็ว ให้แก่ประชากรมากกว่าที่คิด คือตัวเลข 60% แต่เป็นเกือบทั้งประเทศ ยกเว้นในเด็กซึ่งในระยะแรก ข้อมูลความปลอดภัยอาจจะยังไม่พอ

แต่ในปี 2564 นี้เอง ที่ประเทศจีนใช้วัคซีนที่มีอยู่ดังเดิมที่เป็นเชื้อตาย ฉีดให้แก่เด็กด้วย การให้วัคซีนอย่างเข้มข้นเช่นนี้ เป็นการปิดโอกาส หรือเปิดโอกาสน้อยที่สุด ให้กับไวรัสที่จะมีการแพร่กระจาย จากคนสู่คนไปเป็นลูกโซ่ และกดดันไม่ให้มีการกลายพันธุ์ หรือรหัสพันธุกรรมเพี้ยน จนกระทั่งสามารถตั้งตัว กลายเป็นสายพันธุ์ใหม่

ไวรัส1

สำหรับในประเทศไทยเอง การสร้างแรงกดดันต่อไวรัส ต้องเข้มข้นตลอดเวลาและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นที่มาของการที่เราต้องการวัคซีนที่ดีที่สุด และสามารถคุมไวรัสที่มีเยอะที่สุดในขณะนี้

ยกตัวอย่างเช่นสายเดลต้าและอัลฟ่า ที่ต้องพูดถึงอัลฟ่า เพราะแม้แต่ในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม เรายังมี ผู้ป่วยอาการหนัก อายุตั้งแต่ 40 ถึง 80 ปีที่ติดเชื้อด้วยอัลฟ่า และดูเหมือนว่ายาฟาวิพิราเวียร์ จนกระทั่งยาฉีดเรมเดซิเวีย เอาไม่อยู่ หรือแทบเอาไม่อยู่

การฉีดวัคซีนที่ว่าต้องครอบคลุม ทำให้ได้ถึง 80 ถึง 90% ของประชาชน ในระยะเวลาเร็วที่สุด ภายในสามเดือน

โดยที่ในเด็กเล็กอายุตั้งแต่สองขวบจนกระทั่งถึง 15 ปี สามารถใช้วัคซีนเชื้อตาย อย่างที่ประเทศจีนได้นำมาใช้ แม้ว่าจะกันการติดของเดลต้าไม่ดีเท่ากับวัคซีนอื่น แต่สามารถลดอาการหนักหรือเสียชีวิตได้

ประเทศจีน กำลังนำวัคซีนคู่แฝดไฟเซอร์ เข้ามาเสริมป้องกัน เดลต้า และการพัฒนา วัคซีนโปรคีนย่อยแบบโนวาแวคซ์ แต่แทนที่จะผลิตในระบบเซลล์แมลง หรือใบพืชแบบของใบยา จะผลิตในเซลล์เพาะเลี้ยงแทน รวมถึงวัคซีนอีกหลายเทคนิค

การรุกหนักอย่างเข้มข้นรวดเร็ว จะกันไม่ให้มีการกลายพันธุ์ภายในพื้นที่ เหมือนกับสายพันธุ์เอปซิลอน ในสหรัฐที่ถือกำเนิดในพื้นที่เอง ไม่มีการนำเข้า และที่แพร่ไปหลาย สิบประเทศแล้ว จนกระทั่งถึงปากีสถาน และแน่นอนไม่ช้าไม่นาน คงจะเข้าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกระทั่งถึงประเทศไทย (และดาหน้ามาอีกมหาศาล เดลต้าพลัส เป็นต้น)”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo