COVID-19

สธ.วอนช่วงเวลาทอง 2 สัปดาห์ มาตรการล็อกดาวน์ เข้มขึ้น 5% ลดระดับวิกฤติ คุมโควิดได้

วอนเข้มมาตรการล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์ สธ.ลั่นเวลาทอง เพิ่มความเข้มข้น 2 สัปดาห์ ลดการติดเชื้อ ป่วยหนัก เสียชีวิต ลงมาในระดับควบคุมได้ แนะประชาชนงดเดินทาง วางแผนซื้ออาหาร

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า มาตรการล็อกดาวน์ ที่รัฐบาลออกไป เป็นการขอความร่วมมือ ยังไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมาย คนไทยต้องแสดงให้เห็นว่าภาวะวิกฤติ ความร่วมมือมีค่ามากที่สุด ในการลดการติดเชื้อ โดยขอเวลา 2 สัปดาห์ หลังล็อกดาวน์จาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด ถ้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์เพิ่มอีก 5% จะลดระดับการติดเชื้อ การป่วยหนัก และเสียชีวิต ลงมาในระดับควบคุมได้

มาตรการล็อกดาวน์

ปัจจุบันสถานการณ์ทั่วโลกมีการติดเชื้อโควิด 19 สะสม 199 ล้านคน ถือเป็นช่วงขาขึ้นจากการระบาด ของสายพันธุ์เดลตา ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ ทั่วโลกชะลอการระบาดไป แต่ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นประมาณ 4-6 แสนรายต่อวัน เสียชีวิตสะสม 4.24 ล้านคน คิดเป็น 2.13%

สำหรับประเทศไทยติดเชื้อใหม่วันนี้ 17,970 ราย รักษาหาย 13,919 ราย อยู่ระหว่างรักษา 208,875 ราย และเสียชีวิต 178 ผู้ป่วยใหม่ยังเพิ่มขึ้น จากการคาดการณ์การติดเชื้อและเสียชีวิตหลังดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ พบว่า ตัวเลขสถานการณ์จริง ทั้งการติดเชื้อและเสียชีวิต ใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ประสิทธิภาพการล็อกดาวน์ 20%

ดังนั้น หากเพิ่มประสิทธิภาพ มาตรการล็อกดาวน์ เป็น 25% ร่วมกับการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงค่อนข้างมาก จึงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันล็อกดาวน์ให้ถึง 25% ทั้งเรื่องของงดการเดินทาง การไปพบปะ การดูแลตนเองที่ต้องทำเข้มขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตจะลดลงรวดเร็วเช่นกัน

มาตรการล็อกดาวน์ เข้มขึ้น 5% ลดระดับควบคุมโควิดได้

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับมาตรการให้เข้มข้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมโควิด 19 นั้น ศบค.ประกาศเริ่มตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันที่ 3 สิงหาคม 2564 โดยเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จาก 13 จังหวัดเป็น 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 37 จังหวัดหรือประมาณครึ่งประเทศ และพื้นที่ควบคุม (สีเหลือง) 11 จังหวัด

ขณะที่ในแต่ละพื้นที่มีการยกระดับล็อกดาวน์ คือ พื้นที่สีแดงเข้ม ขอให้เลี่ยงหรืองดเว้นการเดินทางออกนอกเคหสถาน นอกที่พักโดยไม่จำเป็น และห้ามออกจากเคหสถานเวลา 21.00 – 04.00 น. วันรุ่งขึ้น งดการให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด และตั้งด่านสกัดระหว่างจังหวัด เพื่อลดโอกาสแพร่เชื้อข้ามพื้นที่

นอกจากนี้ ยังห้ามจัดกิจกรรมรวมกันมากกว่า 5 คน เพราะโอกาสแพร่เชื้อโควิด 19 สายพันธุ์เดลตาเร็วขึ้น ติดง่ายขึ้น ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ สายพันธุ์เดลตา 1 คนติดได้ 8 คน จากเดิมติดได้แค่ 3 คน ถือว่าเชื้อไวรัสเก่งขึ้น 3 เท่า

ส่วนร้านอาหารห้ามบริโภคที่ร้าน ซื้อกลับบ้านไม่เกิน 20.00 น. และงดจำหน่ายสุราในร้าน ห้างสรรพสินค้าเพิ่มความเข้มข้นโดยร้านอาหารในห้าง งดการจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไป แต่ให้สั่งผ่านเดลิเวอรีได้ เพื่อลดจำนวนคนไปรอหน้าร้านร้านยา เวชภัณฑ์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม โรงเรียน การเล่นกีฬาปิดทั้งหมด

new normal wfh delivery ๒๑๐๘๐๒ 0

 

ในส่วนของข้อมูลโมบิลิตี ติดตามการเคลื่อนย้ายรถและการเดินเท้า หลังประกาศลดการเดินทางตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว พบว่ามีแนวโน้มลดลง แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อย่าง กทม.และชลบุรี ปีที่แล้ว สามารถลดลงได้กว่า 80% ส่วนปีนี้ทำได้เพียงกว่า 70% ต้องขอความร่วมมือเพื่อให้ความเสี่ยงลดลง เชื้อโรคจะไม่มีที่ไปต่อ ถ้าลดการเดินทาง เชื้อโรคก็ลดโอกาสแพร่เชื้อ

ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนวางแผนให้ดี ออกจากบ้านน้อยที่สุด คนทำงานออฟฟิศ หน่วยงานรัฐและเอกชน ให้ทำงานที่บ้าน 100% หรือมากที่สุดเท่าที่ทำได้ คนที่ไม่ได้ทำงานออฟฟิศวางแผนการเดินทางให้น้อยลงที่สุดเช่นกัน เช่น ไปตลาดสัปดาห์ละหลายครั้ง ก็วางแผนลดการไป เหลือสัปดาห์ละครั้ง โดยวางแผนการซื้ออาหารต่างๆ เพิ่มเติม เป็นต้น

“ตอนนี้เป็นเวลาทองใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าร่วมมือเต็มที่ ถ้ายุติชะลอการแพร่ระบาดได้ เราก็จะปลอดภัยกันทั้งสังคม”นพ.โสภณ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo