COVID-19

กูรูเปิดเบื้องลึก ทำไม ‘ผู้ป่วยโควิด’ บางกลุ่ม ถึงหาเตียงง่าย!

“บรรยง วิทยวีรศักดิ์” ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน อธิบายชัดเจน ถึงสาเหตุที่ “ผู้ป่วยโควิด” ที่มีประกันสุขภาพ แบบเหมาจ่าย ถึง “หาเตียง” ได้ง่ายกว่า ผู้ป่วยโควิดทั่วไป

วันนี้ (26 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก “บรรยง วิทยวีรศักดิ์” ของนายบรรยง วิทยวีรศักดิ์  ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ได้โพสต์ข้อความอธิบายอย่างชัดเจน ถึงเบื้องหลังที่ กลุ่มผู้ป่วยโควิด ที่ทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย สามารถหาเตียงในโรงพยาบาล ได้เร็วกว่าผู้ป่วยโควิดทั่วไป ชี้ โลกของความเป็นจริง มักโหดร้าย และไม่เป็นอย่างที่คิดเสมอไป  โดยระบุว่า

หาเตียง

เปิดเบื้องลึก ทำไมผู้ป่วยโควิดที่มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย จึงหาเตียงได้ง่ายกว่า

ทุกคนเรียกร้องความเท่าเทียมกัน แต่ในโลกของความเป็นจริง มันมักจะโหดร้าย ไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอ

บิล เกตส์ เจ้าของบริษัทไมโครซอฟท์ เคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตมักจะไม่แฟร์ ทำความคุ้นเคยกับมันซะ” เช่นเดียวกับการหาเตียงในโรงพยาบาล เมื่อติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้ ต้องบอกว่าหายากมาก ๆ และมีความเหลื่อมล้ำ ในการหาเตียงครับ

เมื่อผู้ป่วยมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ขณะที่จำนวนเตียงมีจำกัด ทำให้ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล รัฐบาลพยายามจัดให้มีโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเอกชน ใช้ hospitel มาช่วยขยายเตียง แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการ

จนล่าสุด รัฐบาลต้องประกาศให้ ผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่มาก กักตัว และพักรักษาตัวที่บ้าน เป็น home isolation

แต่ถามจริง ๆ ใครอยากรักษาตัวที่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่า เชื้อจะลงปอดเมื่อไร กว่าจะรู้ ปอดก็เป็นฝ้าขาว สุ่มเสี่ยงต่อการที่เนื้อเยื่อปอดจะถูกทำลายแล้ว

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากเชื้อลงปอด โอกาสรอดก็น้อยลง จนน่าตกใจ หลาย ๆ คนที่เคยรู้จัก โดยเฉพาะเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในเยาวราชนับสิบคน ต่างจากไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ยังแข็งแรง ทำงานได้ปกติ

หาเตียง

เมื่อเราป่วย ทุกคนล้วนอยากเข้าโรงพยาบาลเอกชน เพราะดูแลดีกว่า ห้องกว้างขวาง สะดวกสบาย อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน แต่ต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลเอกชน ตั้งขึ้นมาเพื่อหากำไร ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทำเงินของเขา

ตามปกติ ค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน มักจะแพงกว่าโรงพยาบาลของรัฐ 1-3 เท่าตัว ช่วงแรก คนทั่วไปมักไม่กล้าไปใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชน คงมีแต่คนรวย หรือคนที่เบิกประกันสุขภาพได้ ไปใช้บริการ

จนเมื่อทาง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศรับผิดชอบ ค่าตรวจรักษาโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนทั้งหมด โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งยังสั่งให้โรงพยาบาล ห้ามเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่ารถส่งต่อ ค่าตรวจแล็บ หรือห้องความดันลบ

ปัญหาคือ ราคาที่ สปสช.จ่ายนั้น ต่ำกว่าราคาเต็ม ที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บจากลูกค้า หรือบริษัทประกันชีวิต แบบครึ่งต่อครึ่ง ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงไม่เต็มใจรับลูกค้า ที่มาใช้สิทธิบัตรทอง หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่โรงพยาบาลรัฐรับกัน

ยิ่งรัฐบาลออกกฎว่า ตรวจเจอโควิด 19 ที่โรงพยาบาลไหน ให้แอดมิท (เข้ารักษา) ที่นั่น เท่ากับมัดมือชก ให้โรงพยาบาลเอกชน ต้องรับรักษาผู้ป่วยโควิดในราคาถูก

โรงพยาบาลเอกชนจึงหาทางออก ด้วยการอ้างว่า อุปกรณ์ตรวจเชื้อโควิดหมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับรักษาผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง

หาเตียง

ตั้งเงื่อนไข “หาเตียง” ป่วยโควิด

แต่จากข่าววงในจะทราบว่า โรงพยาบาลเอกชน ยังมีการสำรองเตียงให้คนมีฐานะ ด้วยการแจ้งคนที่ต้องการเข้ารักษาว่า ถ้าสามารถโอนเงินมาให้โรงพยาบาลก่อน 300,000 บาท หรือ 500,000 บาท รถพยาบาลจะวิ่งไปรับผู้ป่วยถึงที่เลย

ตรงนี้แสดงให้เห็นชัดถึงความเหลื่อมล้ำ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะโรงพยาบาลเอกชน ก็สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับคนมีฐานะอยู่แล้ว

แต่ระยะหลัง เริ่มมีข่าวว่า โรงพยาบาลเอกชนโดนเท โดนลูกค้าหักหลัง กล่าวคือ ลูกค้าที่โอนเงินไปก่อนเมื่อรักษาหายแล้ว ก็ไปร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุขว่า ถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน ขอให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย กระทรวงสาธารณสุขต้องโทรไปสั่งให้ โรงพยาบาลเอกชนคืนเงินให้กับลูกค้า แล้วให้ไปเก็บเงินกับ สปสช. แทน

แต่ในราคาที่หายไปกว่าครึ่ง แถมกว่าจะได้รับเงิน ต้องรอ 3-6 เดือน

หาเตียง

โรงพยาบาลเอกชนเริ่มเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้น จึงเปลี่ยนนโยบายมารับลูกค้า ที่มีประกันสุขภาพแทน เนื่องจากได้ราคา และวางบิล 2 สัปดาห์ก็ได้เงิน เพียงแต่เขาระบุชัดเจนไปเลยว่า ต้องมีประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่เบิกได้ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป

เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคโควิดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000 บาท จึงต้องมั่นใจว่า ลูกค้ามีปัญญาจ่ายแน่ ไม่อย่างนั้น จะกลับไปปัญหาเดิม คือ ลูกค้าต้องออกเงินส่วนเกิน และไปร้องขอคืนจากกระทรวงสาธารณสุขอีก

ความจริงค่าใช้จ่าย 150,000 บาทนี้ เฉพาะกรณีลูกค้าผู้ป่วยสีเขียว หรือสีเหลืองที่ไม่มีอาการหนักมาก เพียงแค่พักฟื้น 14 วันก็หายได้เอง โดยไม่มีเชื้อลงปอด เพราะถ้ามีอาการหนัก หรือมีโรคแทรกซ้อน ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึง 5 ล้านบาททีเดียว

จึงไม่แปลกใจที่ระยะหลัง จะได้ยินข่าวว่า เมื่อเราติดต่อโรงพยาบาลเอกชน เพื่อหาเตียงให้คนไข้โควิด โรงพยาบาลจะแจ้งสเปกลูกค้าที่เขาต้องการว่า

  • เป็นผู้ป่วยอายุไม่เกิน 60 ปี
  • มีประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงิน 5 แสนบาทขึ้นไป
  • น้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กก.
  • เป็นผู้ป่วยสีเขียว

พอจะเข้าใจได้ว่า ชั่วโมงนี้ โรงพยาบาลเอกชนเป็นคนเลือกลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าเลือกโรงพยาบาล เคยได้ข่าวว่า ผู้ป่วยบางคน เริ่มจากการเลือกโรงพยาบาลเกรด A เมื่อไม่ได้ เปลี่ยนมาเป็นเกรด B ครั้นยังไม่ได้ ก็ขอเปลี่ยนเป็น hospitel ก็ยังหาเตียงไม่ได้

สุดท้ายอาจจะต้องไปจบที่โรงพยาบาลภาคสนาม หรือไม่ก็ต้องกักตัวที่บ้าน ชั่วโมงนี้เลือกไม่ได้จริง ๆ ครับ

หาเตียง

มาถึงวันนี้ เมื่อคนป่วยล้นจริง ๆ บางคนมีประกันสุขภาพเหมาจ่าย ก็อาจจะยังไม่สามารถหาห้องได้เลย แต่ถ้ามีห้องว่างเมื่อไหร่ ผู้ป่วยที่มีประกันเหมาจ่าย มักจะได้รับการเลือกจากโรงพยาบาลเอกชนก่อนเสมอ

คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

หาคำตอบยากใช่ไหมครับ สิ่งที่ทำได้ และอยากแนะนำให้ทุกท่านทำคือ

  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
  • ใส่แมสก์ เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือ
  • ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนก็ได้ให้เร็วที่สุด
  • มีประกันสุขภาพเหมาจ่าย

นาทีนี้ อะไรที่ช่วยรักษาชีวิตให้รอดได้ ต้องเลือกเอาไว้ก่อนครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo