COVID-19

ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ตอบชัด เหตุผลที่ไทยเปลี่ยนใจ เข้าร่วม COVAX

ไทยเปลี่ยนใจ เข้าร่วม COVAX “หมอนคร” แจงเป็นแผนเตรียมพร้อม จัดหาวัคซีนสำหรับปี 2565 ส่วนกรณีไม่เข้าร่วมแต่แรก เนื่องจากช่วงแรก วัคซีนไม่พอ และไทยอยู่ในกลุ่มประเทศต้องจ่ายเงิน ไม่ใช่ได้ฟรี

นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดเผยว่า การที่ ไทยเปลี่ยนใจ เข้าร่วม COVAX ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรป และองค์การอนามัยโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่าด้วยการรับมือและความพร้อมในการจัดการโรคระบาดในประเทศไทย เป็นการเตรียมความพร้อมบริหารความเสี่ยง เพื่อให้มีวัคซีนโควิด-19 สำหรับรองรับในปี 2565

 เข้าร่วม COVAX

นพ.นคร ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา อาจมีความไม่เข้าใจ และนำไปปนกันระหว่าง โคแวกซ์ AMC (Advance Market Commitment: AMC) กับ โคแวกซ์ SFP (Self-financing participant )

ทั้งนี้ ต้องแยกประเทศอาเซียนเป็น 2 กลุ่ม โดย โคแวกซ์ AMC เป็นประเทศที่ทำสัญญาจองล่วงหน้า ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วน โคแวกซ์ SFP เป็นประเทศที่สั่งซื้อวัคซีนด้วยเงินทุนของประเทศตนเอง ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน รวมทั้งไทย เนื่องจากเป็นกลุ่ม Upper Middle Income

ขณะที่ข้อมูลโครงการ โคแวกซ์ ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ได้ส่งมอบวัคซีนไปแล้วจำนวน 136 ล้านโดส ใน 136 ประเทศ ซึ่งเมื่อหารแล้ว แต่ละประเทศได้รับวัคซีนประเทศละ 1 ล้านโดส ดังนั้น เหตุผลเดิมที่ไทยไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ตั้งแต่ต้น เพราะต้องจ่ายเงินเอง และต้องรอรับวัคซีนที่ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่

นพ.นคร เปรมศรี
นพ.นคร เปรมศรี

ต่อข้อสงสัยว่า แล้วทำไมไทยจึงเปลี่ยนใจ พิจารณาเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนไป การที่ผู้ผลิตได้ส่งมอบวัคซีนให้แก่ประเทศรายได้สูง ที่จองไว้จนเกินพอ และมีการบริจาคออกมานั้น เป็นสถานการณ์จริงว่าเริ่ม มีซัพพลายที่เกินพอ จากประเทศที่จองเกินล่วงหน้า แต่ซับพลายด์จริงที่จะเกิดขึ้นใหม่ยังขาดอยู่

“นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์สถานการณ์ปี 2565 พบว่า มีแนวโน้มที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีน หลังจากได้ส่งวัคซีนให้กับประเทศรายได้สูงจนเกินพอ ต่อไปก็จะกลับมาดูในส่วน Global Solidarity จะเกิดขึ้นในปีหน้า ไม่ใช่ปีนี้ จึงต้องพูดกันตรงๆ จะได้เข้าใจ ไม่งั้นจะคิดว่าเรากลับไปกลับมา ซึ่งคนละเรื่อง”นพ.นคร กล่าว

ขณะเดียวกัน เมื่อตรวจสอบดูแนวโน้มผู้ผลิตหลายราย ที่เป็นรายใหญ่ ๆ จะเริ่มส่งมอบให้กับโครงการโคแวกซ์ เรียกว่าน่าจะส่งมอบเป็นหลัก จึงเป็นที่มาของการร่วมโครงการโคแวกซ์ เพื่อเพิ่มช่องทางการนำเข้ามาของวัคซีนในปีหน้า

ดังนั้น การเข้าร่วมโคแวกซ์ ณ เวลานี้ จึงเป็นการบริหารความเสี่ยงสำหรับอนาคตในปีหน้า หากผู้ผลิตวัคซีนมุ่งเน้นส่งวัคซีนให้โคแวกซ์ ประเทศไทยก็จะมีช่องทางเข้าถึงวัคซีนในปี 2565 เป็นการบริหารตามสถานการณ์เปลี่ยนแปลง  จึงขอฝากทำความเข้าใจเรื่องนี้ ต้องเข้าใจก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo