COVID-19

‘บิ๊กตู่’ ขอให้เชื่อมั่นวัคซีนที่รัฐบาลจัดหา ชี้ WHO รับรอง ใช้แพร่หลายทั่วโลก

“นายกรัฐมนตรี” ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นวัคซีนที่รัฐบาลเร่งจัดหาให้เป็นวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก ยันวัคซีน 3 ชนิดมีประสิทธิภาพลดป่วยรุนแรง-ลดการเสียชีวิตได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าวัคซีนที่รัฐบาลเร่งจัดหาให้เป็นวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศทั้ง 3 ยี่ห้อในขณะนี้เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยที่ แอสตร้าเซเนก้า (AstraZeneca) และซิโนแวค (Sinovac) ซึ่งเป็นวัคซีนหลัก และซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกนั้น ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและยา และได้รับการยืนยันทางการแพทย์และนักระบาดวิทยาว่า มีประสิทธิภาพสามารถลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเกิดอาการรุนแรงของผู้ติดเชื้อ

นายกรัฐมนตรี

ยันมีแผนนำเข้าวัคซีนต่างเทคโนโลยี 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้มีแผนการนำเข้าวัคซีนต่างเทคโนโลยี อาทิ วัคซีน Pfizer และวัคซีน Moderna ซึ่งเป็นเทคโนโลยี mRNA และวัคซีน Johnson & Johnson ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Viral Vector Vaccine เช่นเดียวกับ AstraZeneca ขณะที่ ซิโนแวค และซิโนฟาร์มเป็น Inactivated Vaccine เพื่อให้ความมั่นใจว่าทุกคนที่อยู่ประเทศไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและสามารถลดภาวะเจ็บป่วยรุนแรง

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 วัคซีนซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ขณะที่วัคซีนทั้ง 3 ยี่ห้อ องค์การอาหารและยา (อย. ) ได้อนุมัติเพื่อให้สามารถใช้ในภาวะฉุกเฉิน โดยแอสตร้าเซเนก้า (AstraZeneca) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ซิโนแวค (Sinovac) 22 กุมภาพันธ์ 2564 และ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

วัคซีน 3 ยี่ห้อใช้แพร่หลายทั่วโลก

วัคซีนที่ไทยนำเข้ามาใช้ทั้ง 3 ยี่ห้อมีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยแอสตร้าเซเนก้ามีการใช้แล้วใน 118 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ซิโนแวคมีใช้ใน 37 ประเทศ และซิโนฟาร์มมีการใช้ 56 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ องค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (The Vaccine Alliance หรือ Gavi) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างองค์กรรัฐและเอกชน ซึ่งมีทั้ง องค์การอนามัยโลก และ UNICEF ร่วมเป็นสมาชิก มีแผนการจัดส่งวัคซีนกว่า 110 ล้านโดส จาก Sinopharm จำนวน 60 ล้านโดส และ Sinovac ประมาณ 50 ล้าน ภายในปีนี้ เพื่อสนับสนุน COVAX ในการแจกจ่ายให้กับประเทศยากจนทั่วโลก

“ถือเป็นความร่วมมือกันในระดับนานาชาติเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโวคิด-19 เพราะทุกประเทศรวมทั้งท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและเห็นสอดคล้องว่า วัคซีนยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับระบาดไปอีกอย่างน้อยใน 1-2 ปีข้างหน้า” นายอนุชา กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo