COVID-19

อ่านด่วน!! ‘หมอแล็บ’ โพสต์แจงแนวทางใหม่สู้โควิดของประเทศเรา

อ่านด่วน!! “หมอแล็บแพนด้า” โพสต์แจงแนวทางใหม่สู้โควิดของประเทศเรา วอนตั้งใจอ่านดี ๆ จากนี้ไปคนติดเชื้อที่ไม่มีอาการให้อยู่ที่บ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟชบุ๊ก หมอแล็บแพนด้า ของทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ หัวหน้างานตรวจโรคติดเชื้อทางโลหิตวิธีอณูชีววิทยาศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โพสต์ข้อความระบุว่า จากนี้ไป คนติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ให้อยู่ที่บ้าน

อันนี้ตั้งใจอ่านดี ๆ นะครับ เป็นแนวทางใหม่ของประเทศเรา เมื่อก่อนใครที่ตรวจ RT-PCR แล้วบวก ต้องได้เตียงทุกคนถูกมั้ยครับ ตอนนี้เปลี่ยนใหม่แล้วนะครับ

หมอแล็บแพนด้า

ผู้ป่วยสีเขียวทำตามนี้

สมมติว่าถ้าเรามีอาการเหมือนจะเป็นโควิด เอ…เราติดยังว้าาา ให้เราไปหาที่ตรวจคัดกรองซึ่งเริ่มมีการเข้าถึงง่ายแล้ว ถ้าใครมีผลการตรวจเป็นบวกหรือติดเชื้อ อย่าตื่นตระหนกตกใจ

ถ้าไม่มีอาการหรือมีอาการนิดเดียว ให้ถือว่าตัวเองเป็นสีเขียว ซึ่งกลุ่มสีเขียวจะมีประมาณ 80% ไม่ต้องไปหาเตียงครับ ย้ำว่า ไม่ต้องหาเตียง ให้อยู่บ้าน ให้ home isolation และตอนกักตัวอยู่บ้านควรใส่แมสก์ตลอดเวลาด้วยนะครับ

จากนั้นให้หยิบมือถือขึ้นมากดโทร 1330 ต่อ 14 โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมง มี 1,600 คู่สาย ถึงแม้ว่าโทรไม่ติด สปสช.บอกว่าจะไม่ทิ้งใคร สุดท้ายเขาก็จะโทรกลับไป

ย้ำอีกครั้ง ผู้ป่วยสีเขียว ไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้เตียง เมื่อเราโทรหาสปสช.เรียบร้อย เราจะได้รับอุปกรณ์และยาต่าง ๆ เช่น ฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ได้รับการแนะนำจากแพทย์ผ่านวิดิโอคอล หมอจะคอยดูตลอดถ้าเรามีอาการมากขึ้น เขาจะเร่งให้ยาฟาวิพิราเวียร์เลย ไม่ต้องกลัวว่าเชื้อจะลงปอด ถ้าอยู่ได้ครบ 14 วันก็จบ ถือว่าเราหายแล้ว

หมอแล็บแพนด้า

ทีนี้ถ้าบ้านเรามันแคบ ก็ออกมาใช้บริการ community isolation แยกตัวเราออกมาจากบ้าน

ส่วนผู้ป่วย สีเหลืองเข้ม ซึ่งมี 15% สีแดง ซึ่งมี 5% กลุ่มนี้ยังไงก็ต้องหาเตียงในโรงพยาบาล เราต้องเก็บเตียงให้คนกลุ่มนี้ พวกเขาจะได้มีโอกาสรอด แต่ถ้าสีเขียวไปนอนรพ.กันซะหมด จะทำให้กลุ่มสีเหลืองเข้มและสีแดงมีโอกาสรอดน้อยลง

อันนี้เป็นข้อมูลที่เราต้องรับรู้ครับ แนวทางมันเปลี่ยนไปแล้ว เราจะทำเหมือนเมืองนอกกันละ ผมได้รับข้อมูลมาประมาณนี้จากการเข้าประชุมร่วมกับกระทรวงสธ. และฟังไลฟ์จากสปสช.

ถ้าผมเขียนไม่ถูกตรงไหนแจ้งได้นะคร้าบ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK