COVID-19

คณะกรรมการวิชาการ ลงมติหนุน ฉีดวัคซีนสลับชนิด ซิโนแวค+แอสตร้าฯ

คณะกรรมการวิชาการ ยืนยันสนับสนุนมติ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ฉีดวัคซีนสลับชนิด เข็มที่ 1 เป็น ซิโนแวค ตามด้วยวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มที่ 2 ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ครั้งที่ 23/2564 โดยมี ศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร เป็นประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ฉีดวัคซีนสลับชนิด กรณีการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 เป็น ซิโนแวค ตามด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มที่ 2 ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์

ฉีดวัคซีนสลับชนิด

ทั้งนี้ ในที่ประชุมประกอบด้วย ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล นพ.สุรัคเมธ มหาศิริมงคล ผู้อำนวยการสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ Dr.Renu Madanlal GARG Acting WHO Representative to Thailand

ศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ เปิดเผยว่า จากมติที่ประชุมฯ ดังกล่าว จะจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติ สำหรับหน่วยบริการต่าง ๆ เพื่อสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ และมีการติดตาม ประเมินผลการให้วัคซีนแบบสลับชนิดอย่างเป็นระบบ ตามข้อคิดเห็นของผู้แทนองค์การอนามัยโลก

พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าการพิจารณานโยบายการให้วัคซีนโควิด 19 ดังกล่าว ใช้ข้อมูลผลการศึกษาวิจัยในประเทศไทยรองรับ และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการด้านวิชาการฯ และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ในสถานการณ์ขณะนี้

ซิโนแวค แอสตร้า

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการหารือเพิ่มเติม ในประเด็นที่มีการเผยแพร่ข้อความ และคลิปวีดิโอจากองค์การอนามัยโลก โดย Dr.Soumya Swaminathan หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของ WHO โดยมีเนื้อความบางส่วนกล่าวว่า ประชาชนไม่ควรฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยผสมสูตร เนื่องจากจะเกิดความวุ่นวาย หากประชาชนมีโอกาสเลือกตัดสินใจเอง ว่าจะฉีดวัคซีนเข็ม 2 เข็ม 3 และ 4 ได้เมื่อไหร่ และฉีดวัคซีนของผู้ผลิตรายใด แต่หน่วยงานสาธารณสุขสามารถดำเนินการได้ ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

Dr.Renu Madanlal GARG Acting WHO Representative to Thailand ให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ไม่ได้มีข้อขัดแย้งต่อนโยบายของประเทศไทย  โดยเป็นการให้คำแนะนำในภาพรวม ถ้าหน่วยงานสาธารณสุขของแต่ละประเทศ มีข้อมูลสนับสนุน การเลือกใช้วัคซีนแบบใดแบบหนึ่ง ขึ้นอยู่กับนโยบาย และสถานการณ์การระบาด ของแต่ละประเทศ

ที่สำค้ญคือ ประชาชนไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเอง ควรเป็นการตัดสินใจของหน่วยงานด้านสาธารณสุข สามารถทำได้หากอยู่บนพื้นฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์ และมีข้อเสนอให้มีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการรวบรวมข้อมูลผลการศึกษา

นอกจากนี้ยังให้ความเห็นว่า ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ในผู้สูงอายุ และกลุ่มโรคเรื้อรังให้มากที่สุด

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร

ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 1 เข็ม กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ได้รับวัคซีน ซิโนแวค 2 เข็ม โดยอาจเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หรือวัคซีนชนิด mRNA อย่างน้อย 4 สัปดาห์ หลังจากวัคซีน ซิโนแวค เข็ม 2

อีกมติของที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คือ เห็นชอบการให้วัคซีนโควิด 19 สลับชนิด กรณีการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 เป็น ซิโนแวค ตามด้วยวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข็มที่ 2 ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันให้สูงและเร็วขึ้น เพื่อให้การป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และทันต่อสถานการณ์ของโรค

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo