สลับสูตรฉีดวัคซีน นายกฯ เป็นห่วงความปลอดภัยประชาชน สั่งทบทวนกรณีสลับ ฉีดวัคซีนโควิด “ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า” หลัง “อนามัยโลก” ออกมาเตือนว่าไม่ควรทำ เพราะยังมีข้อมูลน้อยมาก
จากกรณีที่ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ยกเลิกใช้วิธีการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด “ซิโนแวค” 2 เข็มต่อเนื่อง โดยปรับ สลับสูตรฉีดวัคซีน ใหม่ เป็น ฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน โดยให้ฉีด “ซิโนแวค” เป็นเข็มที่ 1 ตามด้วย “แอสตร้าเซนเนก้า” เป็นเข็มที่ 2 พร้อมมีคำสั่งให้ทุกโรงพยาบาลเริ่มดำเนินการได้ทันทีนั้น
นายกฯ เป็นห่วงความปลอดภัยประชาชน สั่งทบทวนกรณี สลับสูตรฉีดวัคซีน “ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวีดิโอ คอนเฟอเรนซ์นั้น ที่ประชุมได้มีการเปิดคลิปวีดิโอแถลงสถานการณ์โควิดประจำวันของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ได้พูดคุยถึงเรื่องการสลับชนิดฉีดวัคซีน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อที่ประชุมถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง กลับไปพิจารณาเรื่องการสลับฉีดวัคซีนให้กับประชาชน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เรื่องนี้ต้องศึกษาให้ชัด เพราะจะเกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัคซีนด้วย จึงขอฝากไปศึกษา โดยคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า แนวทางปรับการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ เป็นการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุข โดยศึกษาตัวอย่างในไทยแล้วว่า มีผลดี สามารถป้องกันการระบาดของวัคซีนกลายพันธุ์ได้มากกว่าการฉีดยี่ห้อเดียวกัน 2 เข็ม
ทั้งนี้ นางซอมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ องค์การอนามัยโลก ได้ออกมาเตือนว่า ไม่ควรผสม และจับคู่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มาจากผู้ผลิตต่างค่ายกันโดยระบุว่า เป็น “เทรนด์อันตราย” เนื่องจากยังมีข้อมูลน้อยมาก เกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อสุขภาพ
“เรื่องนี้เป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างจะอันตราย จนถึงขณะนี้ เรายังไม่มีข้อมูล และพยานหลักฐาน เกี่ยวกับการจับคู่ หรือผสมวัคซีนกันเลย”
“การจับคู่ผสมฉีดวัคซีนโควิดเช่นนี้ อาจจะกลายเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายสำหรับบางประเทศ ถ้าหากประชาชนเริ่มพากันตัดสินใจถึงเรืองที่ว่า ใคร หรือเมื่อไหร่ จะฉีดวัคซีนโดสที่ 2, 3 และ 4”
หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ WHO ย้ำว่า สิ่งสำคัญในเวลานี้ คือ ต้องให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด และเร็วที่สุด เพราะจากรายงานอาการเจ็บป่วย ของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่ส่งมาจากทั่วโลก รวมถึงสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้การระบาดรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนยังมีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้จริง
แต่วัคซีนก็ป้องกันร่างกายของคนที่ฉีด ไม่ให้รับความเสียหายจากอาการเจ็บป่วยรุนแรง และส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่มีอาการใด ๆ เลย เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว นอกจากจะไม่ได้แสดงอาการใด ๆ เมื่อได้รับเชื้อแล้ว ผลการศึกษาวิจัยบางฉบับในเบื้องต้นยังพบอีกว่า ไวรัสในร่างกายของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน ยังเกิดขึ้นได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการฉีด ซึ่งหมายความว่า คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นพาหะนำไวรัสไปติดยังคนอื่น ๆ เพราะฉะนั้น การฉีดวัคซีนจึงมีผลต่อการลดความเสี่ยง และลดอัตราการแพร่ระบาดได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘WHO’ เบรคฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ‘เข็ม 3-ผสมต่างยี่ห้อ’ ชี้ ‘เทรนด์อันตราย-ไม่จำเป็น’
- สรุปจบใน 10 ข้อ ‘หมอธีระวัฒน์’ เปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง ฉีดวัคซีนสลับชนิด
- เปิดสูตร ‘ฉีดวัคซีนสลับเข็ม’ แบบไหน ให้ภูมิต้านทานสูงสุด สรุปไว้ที่นี่