COVID-19

สรุปจบใน 10 ข้อ ‘หมอธีระวัฒน์’ เปิดเบื้องลึกเบื้องหลัง ฉีดวัคซีนสลับชนิด

หมอธีระวัฒน์ สรุป 10 เรื่องการใช้วัคซีนไขว้ ฉีดวัคซีนสลับชนิด หรือตามซ้ำด้วยต่างยี่ห้อต่างเทคนิค ที่ถกกันมาตั้งแต่เวทีองค์การอนามัยโลก และในระดับสาธารณสุขของประเทศต่าง ๆ ถึงความจำเป็นของการฉีดไขว้

นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ” ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha” ถึงความจำเป็นในการ ฉีดวัคซีนสลับชนิด สลับสับเปลี่ยน หรือตามซ้ำด้วยต่างยี่ห้อต่างเทคนิค โดยสรุปออกมาเป็น 10 ประเด็น ดังนี้

ฉีดวัคซีนสลับชนิด

“วัคซีนหรรษา

(อย่าลืมคัดกรองแยกตัวสนุกสนาน และมีวินัยแจ่มใส)

ไม่มีอะไรน่าหวาดกล้วนะครับ

ข้อมูลไม่ได้เป็นการอวย เอื้อ หรือ ต่อต้าน แทรกแซง ทางการใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นการชี้ให้เห็นความสำคัญของสองปัจจัย นั่นคือ

ระดับภูมิที่วัดจากในเลือด ควรมีระดับสูงอยู่คงนาน และนอกจากนั้น ยังต้องขึ้นอยู่กับว่าระดับภูมิที่สูงดังกล่าว ได้จากวัคซีนชนิดใดที่มีในปัจจุบัน จึงจะสามารถเจาะจงกับสายพันธุ์อื่น ๆ ได้ ไม่ใช่สูงอย่างเดียว

การใช้วัคซีนไขว้ สลับสับเปลี่ยน หรือตามซ้ำด้วยต่างยี่ห้อต่างเทคนิค กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน หรรษาไปตามกัน ในเดือนกรกฎาคม 2564 และกลายเป็นเรื่องพูดกันไม่รู้จบ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบาย ชิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ

แท้ที่จริงแล้ว เนื้อหาเบื้องลึกเบื้องหลัง การไขว้ไปมาดังกล่าว มีที่มาที่ไปในช่วงตั้งแต่สามถึงสี่เดือนที่แล้วด้วยซ้ำ ทั้งนี้เป็นการถกกันในระดับเวทีองค์การอนามัยโลก และในระดับสาธารณสุขของประเทศต่าง ๆ และไม่เว้นกระทั่งในประเทศจีนเอง ที่เป็นเจ้าของตำรับวัคซีนเชื้อตายชิโนแวค ชิโนโนฟาร์ม ตั้งแต่ 13 เมษายน 2564

รวมหมอโควิด ๒๑๐๗๑๓

ความจำเป็นในการไขวั เริ่มมาตั้งแต่

1. เป็นภาคบังคับ เนื่องจากวัคซีนแต่ละยี่ห้อออกมาไม่ทันใช้ ดังนั้น จึงต้องหายี่ห้ออื่นมาควบรวม

2. ความต้องการที่จะให้ภูมิคุ้มกันในน้ำเหลืองสูงที่สุด และอยู่ให้คงนานที่สุด เพื่อให้มีการป้องกันการติดเชื้อได้นาน และดียิ่งขึ้น นำมาสู่การใช้เข็มที่หนึ่งเป็นแอสตร้าฯ ตามด้วยไฟเซอร์หรือโมเดนา

3. แต่เมื่อเจอกับสายพันธุ์ เช่น เดลต้า แม้มีภูมิในระดับสูงจริง แต่ประสิทธิภาพเฉพาะตัวต่อเดลต้า กลับลดลงค่อนข้างมาก

4. นำมาสู่ การกระตุ้น เข็ม 3 โดยหวังว่า ระดับภูมิที่สูงมาก ๆ ยังพอที่จะช่วยกันการติดได้เพื่มขึ้น แม้ต่างสายพันธุ์ออกไป

แต่ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่า การที่มีระดับภูมิจริง แต่ไม่เหมาะเหม็งกับสายพันธุ์ใหม่ กลับจะทำให้เมื่อติดเชื้ออาการกลับรุนแรงขึ้นหรือไม่ (Vaccine enhanced COVID-19 severity)

และนำไปสู่การพัฒนาวัคซีนรุ่นที่สอง ที่มีความจำเพาะเจาะจง กับสายพันธุ์ที่เปลี่ยนไป เช่น วัคซีนไฟเซอร์ ที่จะเริ่มในเดือนสิงหาคม และวัคซีนของคนไทย คือ วัคซีนใบยาที่จะปรับเปลี่ยนไปตามกัน

5. ประเทศไทย ใช้วัคซีนต่างจากในประเทศตะวันตก คือ ใช้วัคซีนเชื้อตาย อย่างเช่น ในบราซิล อินโดนีเซีย และชิลี

วัคซีนสูตรไหนป้องกันเดลตา

 

ในประเทศไทยพบว่า เดือนแรกหลังเข็มที่สองของชิโนแวค ดูจะกันการติดเชื้อได้ดี แต่ในเดือนที่สอง สังเกตการติดเชื้อดูมากขึ้น และดูมีอาการเห็นได้ชัดเจนขึ้น พ้องกับระดับภูมิที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และจากกว่า 90% ด้วยซ้ำเหลือเพียง 30 ถึง 40%

6. ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวพบได้ในชิลี ซึ่งมีการติดตามประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันการเข้าโรงพยาบาล และการตายได้ดีมากจากชิโนแว็ค จนกระทั่งถึงวันที่ 1 พฤษภาคม แต่หลังจากนั้นกลับรุนแรงขึ้นมาใหม่ และเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย

7. ความรุนแรงของการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งอาการที่มากขึ้น น่าจะไม่สามารถอธิบายได้จากการลดระดับของภูมิในเลือดอย่างเดียว ทั้งนี้อาจจะร่วมกับสายพันธุ์ เช่น เดลตา
ทั้งนี้เพราะในประเทศไทยการคัดเลือกคนที่ได้รับชิโนแวคสองเข็ม และระดับภูมิยังคงสูงกว่า 70% เช่นที่ 87 จนถึง 92% แต่เมื่อแยกวิเคราะห์ความสามารถต่อสู้กับไวรัส พบว่า ลดลงอย่างมาก ทั้งสายอัลฟาและเดลตา

8. คนไทยที่ได้ชิโนแวค 2 เข็ม สู้กับไวรัสอัลฟา และเดลตา ได้น้อยกว่า แอสตร้า 2 เข็ม ที่ระดับภูมิมากกว่า 90%เหมือนกัน

9.ที่ได้ชิโนแวค และต่อด้วย แอสตร้า ภูมิที่ระดับ สูงกว่า70% ดีกว่าชิโนแวคสองเข็ม ในการสู้กับแอลฟา เดลต้า แต่ยังมีประสิทธิภาพจำกัด ไม่เหมือนกับชิโนแวคสองเข็ม และต่อด้วยแอสตร้า ภูมิจะดีขึ้นมาก และต่อสู้ได้ดีมาก ต่ออัลฟาและเดลตา

10. ในเรื่องของวัคซีนจบลงที่ว่า การดูระดับภูมิกลายเป็นสูงเกิน 90% ยิ่งดี แต่ต้องพ่วงด้วยความสามารถเฉพาะเจาะจงต่อชนิดของไวรัสด้วย ดังนั้นจะขึ้นกับชนิดของวัคซีนด้วย

อ่านช่าวเพิ่มเติม

Avatar photo