COVID-19

เช็คให้ชัด!! เปิดมาตรการคุมเข้ม 10 จังหวัด สั่งเคอร์ฟิว ดีเดย์ 12 ก.ค.นี้

ที่ประชุม “ศบค.ชุดใหญ่” มีมติคุมเข้มโควิด 10 จังหวัดพื้นที่สีแดง ห้ามออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึง 04.00 น. เริ่มวันที่ 12 กรกฎาคม 2564

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับข้อกำหนดและมาตรการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-1 9 โดยระบุว่า ที่ประชุม “ศบค.ชุดใหญ่” มีมติคุมเข้มโควิด 10 จังหวัดพื้นที่สีแดง ห้ามออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 21.00 น. จนถึง 04.00 น. เริ่มวันที่ 12 กรกฎาคม 2564

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ดังนี้

ล็อกดาวน์

พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ 

  1. กทม.
  2. นครปฐม
  3. นราธิวาส
  4. นนทบุรี
  5. ปทุมธานี
  6. ปัตตานี
  7. ยะลา
  8. สมุทรปราการ
  9. สมุทรสาคร
  10. สงขลา

พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตาก นครนายก นครราชสีมา นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และอุทัยธานี

พื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ ชุมพร ตรัง ตราด บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี

พื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ลำปาง ลำพูน สกลนคร หนองคาย อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์

ล็อกดาวน์

การปฎิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ดังนี้

1. จำกัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มบุคคลให้มากที่สุด โดยกำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน ใช้การปฎิบัติงานในลักษณะเวิร์คฟรอมโฮมให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน

  • ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการได้ในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
  • ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
  • ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
  • สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
  • ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพหรือกิจกรรมตามประเพณีรวมกันเกิน 5 คน

2. ให้บุคคลงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี

3. การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกาหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้

ล็อกดาวน์

4. กำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด

5. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ผู้ใดฝ่าฝืนให้มีบทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558

6. ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ 1-4 ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

ล็อกดาวน์

สำหรับมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล

  1. กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กระทรวงกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล เร่งรัดให้มีการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบ การตรวจหาเชื้อ อย่างเพียงพอ
  2. สธ.ร่วมกับกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดนาระบบการแยกกักแบบการแยกกัก ที่บ้าน (HI : Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (CI : Community Isolation) รวมทั้งการใช้ ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักมาเสริมเพิ่มมาตรการรักษาพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทดแทนการขาดแคลนเตียงพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ
  3. สธ.ร่วมกับกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการจัดตั้ง ICU สนาม และ รพ.สนาม รวมถึง รพ.สนามชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว และมีจำนวนมากพอ
  4. สธ.ปรับแผนการกระจายวัคซีน และเร่งการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจาตัวและโรคเรื้อรังในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
  5. ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ในการป้องกันส่วนบุคคล การตรวจหาเชื้อ และการรักษาพยาบาล ให้มีประสิทธิภาพ
  6. ให้ศบศ.เร่งรัดกาหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานท่ีได้รับผลกระทบจากการกาหนด มาตรการในครั้งนี้ ตามความจาเป็นของแต่ละพื้นที่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo