COVID-19

จี้รัฐจัดหา วัคซีนชนิด mRNA ให้บุคลากรแพทย์ หลังเอกสารหลุดว่อนเน็ต

ประชาชน-เลขาธิการแพทยสภา จี้รัฐจัดหา วัคซีนชนิด mRNA ให้บุคลากรการแพทย์ หลังเอกสารหลุด ชี้ ที่ประชุมหวั่นกระทบภาพลักษณ์ ‘วัคซีนหลัก’ ไม่มีผลในทางป้องกัน

ชาวเน็ต-แพทยสภา พากันออกมาจี้รัฐบาลจัดหา วัคซีนชนิด mRNA ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยแฮชแท็ก #ฉีดPfizerให้บุคลากรการแพทย์ #moderna และ #mRNA ติดเทรนด์ยอดนิยมในทวิตเตอร์ไทย หลังสื่อไทย และผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายราย เผยแพร่ภาพเอกสาร ที่ระบุว่าเป็น มติที่ประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และคณะทำงานวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา

ประเด็นสำคัญของการประชุม คือ การพิจารณาว่า จะนำวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอนเทค ที่คาดว่าจะส่งถึงประเทศไทยล็อตแรก 1.5 ล้านโดสภายในเดือน กรกฎาคม ไปฉีดให้แก่กลุ่มประชากรใด ประกอบด้วย

  • กลุ่ม 1. บุคคลอายุมากกว่า 12 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี
  • กลุ่ม 2. กลุ่มเสี่ยงภัยที่ยังไม่ได้รับวัคซีน (ผู้สูงวัย/โรคเรื้อรัง/ผู้หญิงตั้งครรถ์)
  • กลุ่ม 3. บุคลากรการแพทย์ (HCW-Healthcare workers) ที่ต้องฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นเข็มที่ 3

วัคซีนชนิด mRNA

สิ่งที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรง สืบเนื่องจาก ‘ข้อ 10’ ของบันทึกการประชุมดังกล่าว เป็นมุมมองเชิงคัดค้านการให้วัคซีนไฟเซอร์กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยระบุเพิ่มเติมว่า

“ถ้าเอามาฉีดกลุ่ม 3 แสดงยอมรับว่าซิโนแวค ไม่มีผลในการป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น”

ทำให้มีประชาชนที่เห็นข้อมูลดังกล่าวแสดงความคิดเห็นกันอย่างแพร่หลายในสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ ที่มีการทวีตข้อความที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 400,000 ครั้ง

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า บุคลากรการแพทย์ควรได้ฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนาได้จริง ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์, โมเดอร์นา หรือวัคซีนชนิดสารพันธุกรรม mRNA อื่น ๆ

แต่เมื่อผู้เข้าร่วมการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางเรื่องมาตรการวัคซีนของประเทศไทย แสดงความเห็นในเชิงไม่อยากให้ฉีดวัคซีน mRNA เป็นเข็มที่สาม ให้บุคลากรการแพทย์ เพราะเกรงจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของวัคซีนซิโนแวค ซึ่งถูกใช้เป็นวัคซีนหลัก ทำให้เกิดคำถามว่า การรักษาหน้าผู้เกี่ยวข้องกับการสั่งวัคซีนชนิดนี้สำคัญกว่าการรักษาชีวิตของบุคลากรหรือไม่

 แพทย์ร่วมตั้งคำถาม

บุคคลในแวดวงการแพทย์ ที่แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ รวมถึง นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งทวีตข้อความผ่านบัญชี @Manopsi โดยระบุว่า

“เห็นรายงานการประชุมกรรมการวิชาการวัคซีนแล้วโกรธมาก คัดค้านการฉีด Pfizer vaccine กระตุ้นเข็มสามให้บุคลากรทางแพทย์ ด้วยเหตุผลคือเป็นการยอมรับว่า Sinovac ไม่มีผลป้องกัน แล้วจะแก้ตัวยากมากขึ้น คนพูดเป็นหมอหรือเปล่าครับ คุณทำงานด่านหน้าไหม จิตใจคุณทำด้วยอะไร”

“ข้อความจากรายงานการประชุมกรรมการ และการนำเอกสารชิ้นนี้หลุดมาถึงสื่อ คาดว่า … 1. Comment 8 และ 10 น่าจะมาจากกรรมการที่ powerful มาก เพราะมี comment อื่นสนับสนุน แต่มติเป็นไปทาง 2 comments นี้”

“2. กรรมการที่ไม่เห็นด้วยคงทนไม่ได้ ยอมเสี่ยงปล่อยเอกสารนี้หลุดมายังสื่อ ขอบคุณมาก ๆ ครับ”

วัคซีนชนิด mRNA

ขณะที่เฟซบุ๊ก Ittaporn Kanacharoen ของ พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา โพสต์ข้อความว่า

“ขอสนับสนุนให้วัคซีนเข็ม 3 กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า”

“ตามที่มีการประชุมเรื่องการพิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ ที่จะได้รับ 1.5 ล้านโดส ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ในกลุ่มบุคคลใดบ้าง #โดยมีผู้เสนอให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ที่ได้รับ วัคซีนซิโนแวค 2 เข็มไปแล้ว ควรได้รับเพิ่ม”

“ในการประชุม คณะกรรมการด้านวิชาการวัคซีน กรมควบคุมโรค ที่ผ่านมานั้น ด้วยบุคลากรทางการแพทย์ ในด่านหน้าเสมือนเป็นทหารอาสาสู้ศึก covid-19 ที่ต้องเสียสละตนเอง โดยมีโอกาสได้รับเชื้อจากผู้ป่วยตลอดเวลา ย่อมถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่สุด กว่ากลุ่มใด ๆ ในการออกรบจำเป็นต้องได้รับ”เกราะป้องกันที่ดีที่สุด” เพื่อให้เขาสามารถ “อยู่รอด” ปฏิบัติงานคุ้มครองผู้ป่วยได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เชื้อระบาดอย่างรุนแรงวิกฤต จนจำนวนบุคลากร ไม่เพียงพออยู่แล้ว”

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารที่หลุดออกมาเป็นเอกสารภายในจากการประชุมของคณะกรรมการวิชาการ แต่ยังไม่ได้เป็นขั้นตอนปฏิบัติจริง จึงไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นเรื่องของวิชาการ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo