COVID-19

สธ.เตรียมชงครม.ไฟเขียวสัญญาไฟเซอร์ 20 ล้านโดส รับสถานการณ์น่าห่วง!

“นพ.โสภณ” เผย “กระทรวงสาธารณสุข” เตรียมเสนอ “ครม.” ไฟเขียวสัญญาไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ชี้หากทุกฝ่ายเห็นชอบก็จะลงนามสั่งซื้อได้ หลังจากนั้นจะเจรจาส่งมอบให้เร็วขึ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม และนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมแถลงประเด็นสำคัญด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดย นพ.โสภณ กล่าวว่า สถานการณ์โควิดในปัจจุบันถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะการระบาดระลอกล่าสุดเดือนเมษายนนั้น พบ “สายพันธุ์เดลตา” ที่แพร่ระบาดได้เร็ว แม้ช่วงแรกจะอยู่ในกทม.และปริมณฑล แต่ระยะหลังเข้าไปยังสถานประกอบการ ขณะนี้มีเข้าไปในชุมชนและครัวเรือนมากขึ้น ผู้ติดเชื้อแตะหลัก 2,000 รายวันที่สอง อีกทั้งคนกลับจากกทม.ไปต่างจังหวัดมากขึ้น เมื่อมีผู้ติดเชื้อไปในพื้นที่แต่ละพื้นที่ ก็เร่งสอบสวนและควบคุมโรคเพื่อจำกัดไม่ให้แพร่เชื้อต่อ ยอมรับว่าน่าเป็นห่วง แต่ถ้าประเมินสถานการณ์ 1-2 เดือนข้างหน้าคงต้องดูต่อไป

IMG 20210703135715000000

นพ.โสภณ กล่าวว่า ด้วยความตื่นตัวของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราคงจำนวนผู้ติดเชื้อไว้ในระดับที่เพิ่มไม่มากนัก แต่สิ่งสำคัญต้องดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง เพราะหากรักษาช้าอาการจะรุนแรง และเสียชีวิตได้ เราจึงต้องร่วมมือกันลดการแพร่เชื้อ และข้อกำหนดฉบับที่ 25 ที่เพิ่งออกมามุ่งเน้นไปที่ลดการเคลื่อนย้าย และลดการแพร่เชื้อ เห็นได้จากการปิดแคมป์คนงาน และไม่ให้รับประทานอาหารในร้าน สิ่งที่ยังเหลืออยู่ คือ การแพร่เชื้อในชุมชน และครัวเรือน ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็ติดเชื้อจากที่บ้าน

ดังนั้น การป้องกันผู้สูงอายุติดเชื้อจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก คนที่ออกไปทำงานก็ต้องป้องกันตัว หากทุกคนป้องกันการติดเชื้อในครัวเรือน และมีการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุมากขึ้นเร็วขึ้น หากทำได้จะลดการเสียชีวิตในกลุ่มนี้ได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ มาตรการป้องกันส่วนตัว และเรื่องวัคซีนที่ต้องเร่งดำเนินการ

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนนั้นกระทรวงสาธารณสุขมอบหมายให้กรมควบคุมโรคเป็นผู้จัดหาวัคซีน โดยตัวแรกที่เราดำเนินการคือ ซิโนแวค ตั้งแต่ปลายปี 2563 และได้เข้ามาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเดียวกับที่แอสตร้าเซนเนก้าเข้ามา หลังจากนั้นเราก็มีวัคซีนเข้ามาเรื่อย ๆ จนขณะนี้ฉีดไปแล้วกว่า 10 ล้านโดส ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศไทย 6 ชนิด ที่อยู่ระหว่างดำเนินการคือ “วัคซีนไฟเซอร์” ขณะนี้ลงนามในเอกสารไปแล้ว 2 ฉบับ คือ เอกสารสัญญาไม่เผยแพร่ข้อมูลของวัคซีน และเอกสารจองวัคซีน เหลือเพียงการเซ็นสัญญาจัดซื้อ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจของสำนักงานอัยการสูงสุด รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวเพื่อจัดเตรียมงบประมาณ​

IMG 20210703135759000000
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค

แต่เนื่องจากในสัญญาการซื้อวัคซีน 20 ล้านโดสต้องรอบคอบ เงื่อนไขในสัญญา ก็เหมือนกับบริษัทวัคซีนต่าง ๆ ที่ตั้งเงื่อนไข อาทิ ต้องมีเงินจอง ต้องจ่ายเงินล่วงหน้า กรณีวัคซีนไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนดต้องไม่เสียค่าปรับ ซึ่งกรณีของไฟเซอร์ตามกำหนดคือไตรมาส 4 ต้องไม่มีค่าปรับ หากนำมาใช้มีผลข้างเคียงรัฐบาลต้องดูแล และคาดว่า สำนักงานอัยการสูงสุด จะสามารถตรวจสัญญาให้เสร็จได้ภายในวันที่ 5 กรกฎาคม หลายเรื่องเป็นข้อผูกพันต้องให้รัฐบาลเห็นชอบ กระทรวงสาธารณสุข จึงมีแผนให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันอังคารที่ 6 กรกฎาคม หากทุกฝ่ายเห็นชอบก็จะลงนามสั่งซื้อได้ หลังจากนั้นจะเจรจาส่งมอบให้เร็วขึ้น แต่หากมีความคืบหน้าเป็นข่าวดีอย่างไรจะรีบสื่อสารให้ทราบ

อย่างไรก็ตาม เดือนกรกฎาคม ถือว่ามีความสำคัญ จะเป็นจุดเปลี่ยนกับการจัดการโควิด จึงขอความร่วมมือร่วมใจกับทุกภาคส่วน ในการปกป้องไม่ให้เกิดการสูญเสียและแพร่เชื้อเกิดขึ้น การดูแลผู้สูงอายุที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงต้องได้รับความสำคัญในการดูแลสูงสุด ลูกหลานต้องช่วยกันดูแล มาตรการเฝ้าระวังในครัวเรือนต้องเข้มงวด ต้องจูงใจให้ผู้สูงอายุได้รับวัคซีนเร็วในเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคม หากเรายังหยุดการระบาดทันทีไม่ได้ แต่เริ่มลดการเสียชีวิตได้ด้วยการป้องกันผู้สูงอายุ หวังว่าเดือนนี้หากร่วมมือกันเต็มที่จะยันสถานการณ์ไว้ได้ และน่าจะควบคุมได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo