COVID-19

รู้ไหม!? ทำไม ‘วัคซีน mRNA’ ถึงดีที่สุด และ ‘วัคซีนโควิด-19’ มีชนิดอะไรบ้าง

ท่ามกลางกระแสการถกเถียงถึง “ชนิด” ของวัคซีนโควิด-19 ว่า แบบไหนจะดีที่สุดนั้น หลายคนคงแอบทำหน้างง ๆ กันอยู่บ้าง วัคซีนโควิดแต่ละยี่ห้อ แตกต่างกันตรงไหน คนถึงเลือกที่จะอยากฉีดยี่ห้อนี้ ไม่เอายี่ห้อนั้น และ คำว่า ‘วัคซีน mRNA’ ซึ่งพูดถึงกันแทบทุกครั้ง ที่เกิดการถกเถียงในเรื่องนี้ คืออะไร 

วันนี้ The Bangkok Insight เลยรวบรวมข้อมูลมาฝากกัน เพื่อคนที่ยังสงสัย จะได้รู้จัก และเข้าใจถึงระบบการทำงานของ “วัคซีนโควิด” ได้กระจ่างมากขึ้น

วัคซีนโควิด-19 มีกี่ชนิด อะไรบ้าง

ปัจจุบัน วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 มีอยู่  4 ชนิดด้วยกัน คือ ชนิดสารพันธุกรรม ชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ วัคซีนที่ทําจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ และ วัคซีนชนิดเชื้อตาย

วัคซีน mRNA

1. วัคซีนชนิดสารพันธุกรรมเอ็มอาร์เอ็นเอ หรือ วัคซีน mRNA

วัคซีนกลุ่มนี้ ใช้เทคโนโลยีใหม่สังเคราะห์สารพันธุกรรมเอ็มอาร์เอ็นเอ (messenger RNA: mRNA) หรือ วัคซีน mRNA ที่เฉพาะเจาะจงกับเชื้อไวรัส วัคซีนจะทำหน้าที่พา mRNA เข้าเซลล์ และ กํากับให้เซลล์ผลิตสารโปรตีนหนาม ของเชื้อไวรัส ซึ่งโปรตีนนี้จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้สร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อต้านเชื้อ

ปัจจุบันวัคซีนเป็นชนิดนี้ ได้แก่ วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา ซึ่งข้อมูลระบุว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ประมาณ 95% ป้องกันการป่วยรุนแรง และป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%

วัคซีนของไฟเซอร์ ควรได้รับการฉีด 2 เข็มเข้ากล้ามเนื้อ ห่างกัน 3 สัปดาห์ ส่วน วัคซีนของโมเดอร์นา ควรได้รับการฉีด 2 เข็มเข้ากล้ามเนื้อ ห่างกัน 4 สัปดาห์

2. วัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ

วัคซีนกลุ่มนี้ใช้ไวรัสที่สามารถตัดแต่งพันธุกรรม เช่น ไวรัสอะดีโน (Adenovirus) โดยนำมาดัดแปลงพันธุกรรมให้ไม่สามารถแบ่งตัวได้ และใส่สารพันธุกรรมของไวรัสโรคโควิด19 ติดไปด้วย

เมื่อนํามาฉีด ไวรัสพาหะเหล่านี้จะเลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติ โดยกระตุ้มภูมิคุ้มกันทั้งระบบ ให้สร้างแอนติบอดีย์ต่อไวรัสโควิด-19 ตามสารพันธุกรรมที่ใส่เข้าไป

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นวัคซีนที่ไวรัสอะดีโนไม่แบ่งตัว แต่ยังจัดเป็นไวรัสที่มีชีวิตเมื่อเข้าสู่ร่างกาย จึงยังไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างมาก จนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนมากกว่านี้

วัคซีน mRNA

ปัจจุบันวัคซีนชนิดนี้ที่ใช้กันแพร่หลายมี 4 ยี่ห้อ ได้แก่

แอสตร้าเซนเนก้า ที่ใช้ไวรัสอะดีโนของชิมแปนซี มีประสิทธิภาพป้องกันอาการประมาณ 70-80% ป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%,

แคสซิโนไบโอ ใช้ไวรัสอะดีโนของมนุษย์สายพันธุ์ 5 มีประสิทธิภาพป้องกันอาการประมาณ 60%,

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ใช้ไวรัสอะดีโนของมนุษย์สายพันธุ์ 26 มีประสิทธิภาพ ป้องกันอาการประมาณ 64-72%

กามาเลยา ใช้ไวรัสอะดีโนของมนุษย์สายพันธุ์ 5 และ 26 ของรัสเซีย มีประสิทธิภาพป้องกันอาการประมาณ 90%

3. วัคซีนที่ทําจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ

วัคซีนที่ผลิตโดยเทคโนโลยีนี้ ทั่วโลกมีความคุ้นเคยมานาน เพราะใช้ในการผลิตวัคซีนหลายชนิด เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และ วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี  ผลิตโดยการ สร้างโปรตีนของเชื้อไวรัส ด้วยระบบ cell culture หรือ yeast baculovirus

จากนั้น นํามาผสมกับสารกระตุ้นภูมิ เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อต้านโปรตีนสไปค์ของไวรัสโรค    โควิด-19 วัคซีนที่มีใช้ในปัจจุบัน คือ วัคซีนโควิด ยี่ห้อ โนวาแวกซ์ (Novavax) ซึ่งผลิตจาก baculovirus และใช้ Matrix M เป็นตัวกระตุ้นภูมิ มีประสิทธิภาพป้องกันอาการประมาณ 60-90% ป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%

4. วัคซีนชนิดเชื้อตาย 

วัคซีนกลุ่มนี้ผลิตโดยนําไวรัสโควิด-19 มาเลี้ยงขยายจํานวนมาก และนํามาทำให้เชื้อตาย การฉีดวัคซีนจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสทุกส่วน เสมือนได้รับเชื้อไวรัสโดยตรง แต่ไม่ทำให้เกิดโรค เพราะเชื้อตายแล้ว

เทคโนโลยีนี้เป็นวิธีที่ใช้กับวัคซีนตับอักเสบเอ โปลิโอชนิดฉีด จึงมีความคุ้นเคยในประสิทธิภาพและความปลอดภัยมานาน แต่เนื่องจากการเพาะเลี้ยงไวรัสต้องใช้ความระมัดระวังมาก ทําให้ผลิตได้ช้า และมีราคาแพง

วัคซีนโควิด ชนิดนี้ ที่มีใช้ในปัจจุบัน คือ วัคซีนโควิด ซิโนแวค (Sinovac) มีประสิทธิภาพป้องกันอาการประมาณ 50-70% ป้องกันการเสียชีวิตได้ 100%

วัคซีน mRNA

ข้อห้าม-ข้อควรระวังฉีดวัคซีนโควิด-19

วัคซีนทุกชนิดมีข้อห้ามคือ แพ้สารที่เป็นส่วนประกอบของวัคซีน และเนื่องจากวัคซีนเหล่านี้ เป็นวัคซีนใหม่จึงอาจไม่มีความรู้ในเรื่องปฏิกิริยาการแพ้ที่พบไม่บ่อย

ในช่วงแรก จึงควรฉีดวัคซีนเหล่านี้ ในสถานพยาบาล หรือสถานที่ ที่ให้การช่วยเหลือกรณีมีปฏิกิริยารุนแรง และควรเฝ้าระวังอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที

หากมีอาการดังต่อไปนี้ หลังได้รับวัคซีน รีบไปพบแพทย์ ณ สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือ โทร 1669 เพื่อรับบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน

  • ไข้สูง  หนาวสั่น
  • ปวดศีรษะรุนแรง
  • เหนื่อยแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือ หายใจไม่ออก
  • อาเจียน มากกว่า 5 ครั้ง
  • ผื่นขึ้นทั้งตัว ผิวหนังลอก
  • มีจุดจ้ำเลือดออกจํานวนมาก
  • ใบหน้าเบี้ยว หรือ ปากเบี้ยว
  • แขนขาอ่อนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถทรงตัวได้
  • ต่อมน้ําเหลืองโต
  • ชัก หรือหมดสติ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo