สวนดุสิตโพลเผย คนไทย 82% เชื่อ “Work From Home” ช่วยหยุดโควิด แต่ข้อเสียมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
วันนี้ (16 พ.ค.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,553 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 10 – 13 พฤษภาคม 2564 เรื่องพฤติกรรมของคนไทยกับการทำงานที่บ้าน (Work From Home) เพื่อสะท้อนความคิดเห็นกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและปรับรูปแบบเป็น Work From Home เป็นการปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐและช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด – 19 สรุปความเห็นได้ดังนี้
1.พฤติกรรมการทำงานของประชาชนในช่วงโควิด – 19
- ทำงานที่บ้าน 42.72%
- ทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน 34.45%
- ไม่ได้ทำงานที่บ้าน 22.83%
2.ความคิดเห็นที่มีต่อการทำงานที่บ้าน (Work From Home)
- อันดับ 1 รู้สึกปลอดภัย/ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 74.82%
- อันดับ 2 เป็นการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ/ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน 48.60%
- อันดับ 3 มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น 44.05%
- อันดับ 4 อุปกรณ์ เครื่องมือไม่พร้อม ไม่เอื้อต่อการทำงาน 40.53%
- อันดับ 5 บรรยากาศไม่เหมือนกับที่ทำงาน 39.04%
3.ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำงานที่บ้าน (Work From Home)
ข้อดี
- ลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 88.33%
- ประหยัดค่าเดินทาง 70.19%
- ได้ช่วยและให้ความร่วมมือกับภาครัฐ 60.73%
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าน้ำ-ไฟ อินเทอร์เน็ต 65.80%
- อุปกรณ์ เครื่องมือไม่สะดวกเหมือนที่ทำงาน 62.08%
- การสื่อสาร การติดต่อประสานงานช้า 45.97%
4.ความสำเร็จของผลงานจากการทำงานที่บ้าน (Work From Home) สำเร็จประมาณ 70.33%
5.ความชื่นชอบเปรียบเทียบระหว่างการทำงาน “ที่ทำงาน” กับทำงาน “ที่บ้าน”
- อันดับ 1 ชอบทั้ง 2 แบบพอ ๆ กัน 37.17%
- อันดับ 2 ชอบการทำงานที่ทำงานมากกว่า 36.13%
- อันดับ 3 ชอบการทำงานที่บ้านมากกว่า 18.10%
- อันดับ 4 เฉย ๆ 8.60%
6.ความคิดเห็นที่มีต่อนโยบายการทำงานที่บ้าน (Work From Home) จะช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด – 19 ได้หรือไม่
- ช่วยได้ 82.66%
- ไม่แน่ใจ 13.14%
- ช่วยไม่ได้ 4.20%
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า ในระยะเวลาปีกว่าที่ภาคประชาชนให้ความร่วมมือด้วย Work From Home และปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังตัวเองอย่างเคร่งครัด เพราะต้องการให้สถานการณ์โควิด-19 นั้น “เจ็บแต่จบ” เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ในส่วนของภาครัฐเองก็ต้องเร่งมาตรการอื่น ๆ ไปพร้อมกันด้วย ทั้งการรับมือและเร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ส่วน ผศ.ทิพสุดา คิดเลิศ รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยว่า Work From Home เป็นแนวคิดช่วยลดต้นทุนทางเศรษฐกิจ ถึงแม้การทำงานที่บ้านจะทำให้มีค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มมากขึ้น แต่ภาครัฐก็ได้ออกมาตรการเยียวยาเป็นการแบ่งเบาประชาชน
ซึ่งการทำงานที่บ้านจะเกิดประสิทธิภาพได้นั้น ควรแยกเวลาทำงานและเวลาส่วนตัว (Work Time and Personal Time) เพื่อกำหนดชั่วโมงการทำงานและความสำเร็จของงาน และองค์กรก็ควรกำหนดนโยบาย (Policy) ให้ชัดเจนในเรื่องการทำงานที่บ้าน นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างสำนักงานเสมือน (Virtual Office) สนับสนุนการใช้แพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันในการสื่อสารและทำงานร่วมกันในองค์กร หรือพัฒนารูปแบบการทำงานเป็นแบบไฮบริด (Hybrid model) ที่เน้นการทำงานแบบผสมผสาน พนักงานสามารถเลือกทำงานจากที่บ้านหรือที่สำนักงานได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานที่บ้าน “ทำให้เกิดสิ่งใหม่” นั่นคือ “วิถีการทำงานรูปแบบใหม่” และยังเป็นการช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ได้อีกด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิดวันนี้ยังหนัก! ยอดติดเชื้อ 2,302 ราย เสียชีวิตพุ่ง 24 ราย
- ‘หมอธีระวัฒน์’ เตือนระวัง 2 สายพันธุ์โควิด สิงคโปร์ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มยังติดได้
- วอนเอกชน ‘Work from Home’ 2 สัปดาห์หลังสงกรานต์ ลดโควิด-19 ระบาด