COVID-19

มั่นใจคุมอยู่! ‘อนุทิน’ เล็งใช้ ‘โมเดลกักตัวโรงงาน’ คุม ‘โควิดเรือนจำ’

“อนุทิน” ยอมรับตกใจ เรือนจำเจอนักโทษติดโควิด เกือบ 3,000 คน เล็งใช้ “โมเดลกักตัวในโรงงาน” แบบที่สมุทรสาคร มั่นใจสามารถควบคุมได้ ส่วนนักโทษที่มีอาการรุนแรง จะจัดส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 

วันนี้ (13 พ.ค.)  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีผู้ต้องขังในเรือนจำติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกือบ 3,000 รายว่า ถือเป็นเรื่องน่าตกใจ  และเป็นที่น่าเสียใจ ที่เกิดการติดเชื้อจำนวนมาก

anu

ขณะนี้ กรมควบคุมโรค เข้าไปช่วยควบคุมการระบาดในเรือนจำแล้ว มั่นใจว่า สามารถควบคุมได้ และตามหลักการสาธารณสุข อย่างน้อยยังถือว่าเป็นพื้นที่ปิด ไม่มีการออกมาข้างนอก

ทั้งนี้ มีการหารือว่า น่าจะใช้โมเดลควบคุมการระบาดอย่างที่สมุทรสาคร คือ การกักตัวในโรงงาน (Factory Quarantine) ไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อคนภายนอก

นอกจากนี้ จะคัดแยกผู้ป่วยไม่มีอาการ ก็รอดู ถ้าร่างกายแข็งแรง 14 วันหาย ให้ยาตามสีอาการ ส่วนคนที่มีอาการปานกลาง ก็มีโรงพยาบาลราชทัณฑ์ดูแล ซึ่งมีศักยภาพในการรักษาอยู่แล้ว เพราะมีการเตรียมการรับมือมาตั้งแต่ปี 2563

สำหรับคนที่มีอาการระดับสีเหลืองเข้ม มาเป็นสีแดงนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะรับช่วงต่อ โดยนำผู้ต้องขังมารักษาตามสิทธิ

เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) กรมราชทัณฑ์  แถลงว่า มีผู้ป่วยโควิดในทัณฑสถานหญิงกลาง 1,040 คน และผู้ป่วยในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ 1,795 คน ซึ่ง 2 เรือนจำนั้น อยู่ในพื้นที่เรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งทุกรายอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หากในบางรายมีอาการหนักจะได้มีการย้ายออก เพื่อรับการรักษายังโรงพยาบาลภายนอก 

กรมราชทัณฑ์ ยืนยันด้วยว่า ได้ป้องกันอย่างเต็มที่ด้วยมาตรการเชิงรุก คือ แยกกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่อย่างน้อย 21 วัน พร้อมตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด – 19 จำนวน 2 ครั้ง ก่อนผู้ต้องขังพ้นระยะแยกกักโรค ซึ่งการตรวจพบการติดเชื้อของผู้ต้องขังที่ผ่านมา ถือว่าเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับ ผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ

shutterstock 1839824815

สำหรับผู้ต้องขังที่ตรวจพบเชื้อจะได้รับการรักษาโดยการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravia) ทั้งในโรงพยาบาลสนามเรือนจำ และโรงพยาบาลแม่ข่ายตามลักษณะอาการป่วยของแต่ละราย

พร้อมยืนยันว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยเรือนจำทัณฑสถานทุกแห่งมีมาตรการอย่างเคร่งครัด เพราะมีการควบคุม บับเบิล แอนด์ ซีล เช่น กรณีเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อ ก็สามารถดูแลรักษาจนหาย และไม่มียอดผู้ติดเชื้ออยู่ในเรือนจำอีก

เชื่อว่า มาตรฐานการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์กับกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ ไม่ขยายตัวไปสู่วงกว้างได้ เวลานี้ได้มีแดนกักโรคและโรงพยาบาลสนาม โดยมีแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และการให้ยารักษาและการดูแลทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข รวมทั้งมีการวางแผนเพื่อฉีดวัคซีนให้ผู้ต้องขังด้วย อยู่ระหว่างรอการจัดสรรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo