COVID-19

โควิด ตม. พบติดเชื้อแล้ว 374 ราย สธ.วอนประชาชน ช่วยสอดส่องผู้ลักลอบเข้าเมือง

โควิด ตม. ติดเชื้อเพิ่มแตะ 374 ราย จากการตรวจเชิงรุก เดินหน้าตรวจซ้ำวันที่ 7 และ 14 สธ.ย้ำความปลอดภัย ในสถานที่กักตัว ไม่แพร่เชื้อภายนอก

นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์บางเขนว่า ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อ โควิด ตม. รวม 374 รายที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งการสอบสวนโรค และค้นหาเชิงรุก ได้ดำเนินการ ดังนี้

DBAA3616041AAC8AD6164DB09A95E64A 1

 

วันที่ 11 ม.ค. พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรก เป็นผู้ต้องกัก จากการลักลอบเข้าเมือง ที่ส่งมาจากพื้นที่ต่าง ๆ มารวมที่ศูนย์บางเขน จากนั้นเจอผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 8 ราย เป็นผู้เดินทางเข้ามาใหม่ 6 ราย และผู้ต้องกักเดิม 2 ราย

วันที่ 13 มี.ค. ตรวจเชิงรุก ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จากกลุ่มที่มาจากสุไหงโกลก 137 ราย พบผู้ติดเชื้อ 40 ราย และการตรวจผู้ต้องกักแรกรับ 129 ราย พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 12 ราย

วันที่ 15 มี.ค. จากการตรวจผู้ต้องกักเสี่ยงสูง ชาวเนปาล 44 ราย รวมเจ้าหน้าที่ พบผู้ติดเชื้อ 16 ราย

วันที่ 18 มี.ค. มีการสอบสวนโรคเพื่อให้การตรวจครอบคลุม 100% โดยการตรวจเพิ่มเติม 501 ราย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 19 ราย

บางเขน1

วันที่ 19 มี.ค. ตรวจโควิดเพิ่มเติม 549 ราย พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย

วันที่ 20 มี.ค. ตรวจค้นหาเชิงรุก 505 ราย อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ

โดยสรุป ตั้งแต่วันที่ 6-15 มี.ค. จากตรวจเชิงรุกรวม 333 ราย พบผู้ติดเชื้อ 77 ราย และช่วงวันที่ 18-20 มี.ค. ตรวจเชิงรุก 1,556 ราย พบผู้ติดเชื้อ 297 ราย รวมพบผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวเนื่องกัน 374 ราย ทั้งจากศูนย์บางเขน และบางพลู

บางเขน2

ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินการเพื่อป้องกัน และควบคุมโรค ดังนี้

  • แยกผู้ต้องกักที่ติดเชื้อ ออกจากผู้สัมผัส งดการเคลื่อนย้ายผู้ต้องกัก ระหว่างห้อง
  • งดรับผู้ต้องกักใหม่ ใน สตม.บางพลู และบางเขน
  • ประสาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้ง รพ.สนาม ที่สโมสรตำรวจ เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับผู้ป่วย 120 เตียงและสามารถขยายได้ถึง 250 เตียง
  • เรงฉีดวัคซีนโควิด ให้เจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ต้องกัก โดยฉีดไปแล้วกว่า 70 คน
  • มีแผนตรวจผู้ต้องกักซ้ำอีก ใน 7 วันและ 14 วัน

นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า ข้อดีของการมี สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้สามารถแยกผู้ต้องกักใหม่ ได้ชัดเจน สามารถตรวจพบเชื้อได้ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไม่มีอาการ จึงเหมาะกับการดูแลในโรงพยาบาลสนาม เพื่อไม่ให้แพร่กระจายเชื้อต่อ และเฝ้าระวังต่อเนื่อง จากนั้นจะผลักดันกลับประเทศต่อไป

“การกักพื้นที่ให้อยู่ เพื่อไม่ให้แพร่กระจายเชื้อต่อ และเฝ้าระวังต่อเนื่อง
ขอย้ำให้มั่นใจว่าระบบดูแลผู้ต้องกัก เป็นพื้นที่เฉพาะ ไม่มีการออกไปสู่ชุมชน และขอย้ำว่า การลักลอบเข้าเมือง ผิดกฏหมาย และเสี่ยงนำโรคมาแพร่เชื้อ ขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฏหมาย”นพ.เฉวตสรร กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo