COVID-19

‘หมอนิธิพัฒน์’ เล่าความทรงจำ 82 วัน ประสบการณ์โกงความตาย ‘ผู้ว่าฯสมุทรสาคร’

ประสบการณ์โกงความตาย ‘ผู้ว่าฯสมุทรสาคร’ หมอนิธิพัฒน์ เก็บความทรงจำ 82 วัน ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ในโรงพยาบาลศิริราช จนถึงวันพักฟื้นบ้านอ่างทอง

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “นิธิพัฒน์ เจียรกุล” เล่าความทรงจำ ทีมแพทย์ศิริราช รักษา นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กับ ประสบการณ์โกงความตาย ผู้ว่าฯสมุทรสาคร 82 วันในการรักษาโรคโควิด-19 โดยระบุว่า

3 1

“ช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา การให้การดูแลรักษาพยาบาลดูจะเป็นเรื่องรองของผมในช่วงของการเยี่ยมไข้ประจำวัน เพราะว่าไปแล้วสภาพร่างกายและสภาพจิตใจเขา พร้อมกลับคืนถิ่นอาศัยได้ เพียงแต่ยังไม่กล้าแกร่งพอจะกลับไปทุ่มเทให้กับงาน

เวลาส่วนใหญ่ของเราสามคนรวมคู่ชีวิตท่านด้วย จึงมักหมดไปกับเรื่องพูดคุยสัพเพเหระที่ทำให้บันเทิงใจ (อาจมียกเว้นบ้างกับผลการแข่งขันของทีมฟุตบอลโปรด) พร้อมความสำราญสำเริงกับของคาวหวานสารพันที่ส่งกำลังบำรุงมาจากทางบ้าน จนเจ้าตัวยังเผลอเปรยออกมาว่า สุขสบายจนเคยตัวทำให้ชักอยากเกษียณจากงานอันหนักหน่วงเร็ว ๆ เสียทีแล้ว

ใจจริงอยากบอกไปดัง ๆ ว่า ป่วยหนักครั้งนี้ ถือเป็นการพักเพื่อชาร์จแบตไปในตัวเท่านั้นนะ หาใช่การราไฟจนมอดเสียก่อนกำหนดไม่ ช่วงนี้การฝึกออกกำลังในทุกรูปแบบก้าวรุดหน้าไป จนแทบไม่ต้องใช้เครื่องมือหรือคนคอยช่วยบุคคลในเป้าหมายของเรากันเลย

จนเมื่อใกล้เวลาที่นัดหมายกันว่า จะต้องโบกมือลาโรงพยาบาลเสียที จึงได้ร่วมกันวางแผน และซักซ้อมความพร้อมในทุกด้าน เพื่อให้กิจกรรมเป็นไปโดยราบรื่น สมความตั้งใจดีที่หลั่งไหลมาจากทุกฟากฝ่าย รวมถึงการทำให้ทุกภาคส่วน ตระหนักในศักยภาพความพร้อมกลับไปรับหน้าที่

เริ่มตั้งแต่การฉีดวัคซีนโควิดเมื่อ 3 วันก่อน เพื่อเสริมสร้างเกราะกำบังที่แข็งแกร่งในภายภาคหน้า คงด้วยใจของเจ้าตัวที่มีเจตนาแน่วแน่ในประโยชน์ที่จะได้รับ ร่างกายจึงตอบสนองในทางเป็นคุณอย่างราบรื่น จนไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ให้เป็นที่หนักใจสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

5

ตามมาด้วยการซ้อมใส่หน้ากากอนามัย ทั้งตอนพักและตอนเดิน เพื่อให้แน่ใจว่าหายใจได้คล่อง และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการปกป้องการเจ็บป่วย ในระบบการหายใจซ้ำเติมใหม่

เมื่อวานเรานัดกันตอน 6.30 น. จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนค่อย ๆ เดินกันมาเรื่อย โดยให้เจ้าตัวใส่หน้ากากอนามัย มีการหยุดพักเหนื่อยเป็นช่วง ๆ พร้อมเอาหน้ากากออกชั่วคราวเพื่อให้หายใจแรง ๆ ได้ทัน

จุดหมายแรกเป็นการสักการะพระบรมรูปเจ้าฟ้ามหิดล ณ ลานใจกลางโรงพยาบาลของแผ่นดิน จากนั้นจึงเดินกันต่อไปยังศาลาท่าน้ำศิริราชริมฝั่งเจ้าพระยา โชคดีเช้านั้นอากาศไม่ร้อน แถมมีลมแม่น้ำเอื่อย ๆ ให้ชื่นใจ และยังได้แวะนมัสการพระพุทธเมตตาคุณากร ที่ประดิษฐานบริเวณทางขึ้นจากท่าเรือ รวมระยะทางไปกลับจากห้องพักราว 500 เมตร เล่นเอาเจ้าตัวเหงื่อชุ่ม

แต่การทำงานของปอดและหัวใจที่คอยติดตามดูใกล้ชิดเป็นไปด้วยดี แม้ต้องหยุดปั๊มลมหายใจให้เต็มปอดบ้าง เมื่อคนติดตามเห็นดูเหนื่อยพอควร ส่วนเจ้าตัวนั่นหรือ คงปากแข็งเช่นเดิมด้วยคำพูด ยังไหว ไปต่อได้ ทั้งที่แอบเห็นว่า ขาเริ่มสั่นและหายใจซี่โครงเริ่มบานแล้ว

ผมเคยเสนอให้ท่านใช้รถเข็น สลับกับการเดินเองบ้าง ในตอนออกไปปรากฏตัว แน่นอนด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีสิงห์ไม่สังกัดสี ท่านขอปฏิเสธความหวังดี เพียงแต่ให้ผมและภรรยา คอยระแวดระวังอยู่ใกล้ ๆ

นับแต่ออกเดินทางมาจากสมุทรสาคร ก่อนย่างเข้าสู่ปีใหม่ รวมเวลาแล้ว 35 วัน ในหอผู้ป่วยโควิดวิกฤติของศิริราช กับการประคับคองอวัยวะสำคัญอื่น ไม่ให้สูญเสียหน้าที่ไปตามปอด ซึ่งเกิดการอักเสบรุนแรง

ต่อด้วยอีก 23 วันกับการฟูมฟักปอดต่อเนื่อง ในหออภิบาลการหายใจ จนสามารถกลับมาหายใจด้วยตัวเองทั้งหมด และเอาท่อเจาะคอออกได้ในที่สุด

ปิดท้ายกับ 24 วันหลังสุดที่หอผู้ป่วยพิเศษเดี่ยว เพื่อการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของร่างกาย จนไม่ต้องพึ่งออกซิเจนเสริมจากภายนอก และสามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมชีวิตได้ตามสมควร นำมาซึ่งภารกิจสุดท้ายในวันนี้ของทีมศิริราช เพื่อนำส่งบุคคลทรงคุณค่ากลับคืนถิ่น ขอรำลึกความทรงจำดี ๆ ในเสี้ยวหนึ่งของชีวิตแต่ย่นย่อดังนี้

2 1

หลังจากมีวิกฤตการณ์โควิดระลอกสองเด่นชัดในสมุทรสาคร ช่วงนั้นผมเข้าไปช่วยทีมโควิดของท้องที่บริหารจัดการระบบรองรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลักของจังหวัดทั้ง 3 แห่ง เมื่อทราบว่าพ่อเมืองสาครป่วยเป็นโควิด-19 เสียเอง (ไม่รู้หวังดึงดูดความสนใจและใส่ใจร่วมกันแก้ปัญหาให้จริงจังกันหรือเปล่า)

ทางหนึ่งก็ตกใจ เพราะจังหวัดคงต้องดร็อปมือปราบโควิดคนสำคัญ จากงานที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มไปชั่วคราว

อีกด้านหนึ่งก็ไม่แปลกใจ เพราะเห็นท่านทางทีวีหลายครา ทุ่มเททำงานหามรุ่งหามค่ำในพื้นที่เสี่ยง ติดต่อกันกว่าสัปดาห์ ต่างกับถ้อยสำเนียงลีลาตอนสัมภาษณ์ข่าวทีวีที่ออกแนวไพเราะเสนาะโสต จนเคยกล่าวทีเล่นทีจริงกับลูกสาวว่า เดี๋ยวถ้าเจ้าตัวป่วยด้วยโรคที่ตัวเองกำลังจะไปสยบ เราคงอดฟังคารมคมคายสำเนียงเหน่อพองามต่อหน้าสื่อไปอีกนาน

ตอนนั้นบังเกิดแรงปรารถนาส่วนตัวว่าหากมีโอกาส อยากเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมดูแลรักษาเพื่อให้เขาฟื้นตัวกลับมาสานต่องานสำคัญได้ไว ๆ

เมื่อได้เข้าไปร่วมประเมิน และให้ความเห็นในแผนการดูแลรักษา กับแพทย์เจ้าของไข้ ของโรงพยาบาลสมุทรสาคร แม้ว่าเจ้าตัวจะแจ้งกับทีมแพทย์ที่นั่นว่า รู้สึกแค่อ่อนเพลียเล็กน้อย แต่จากข้อมูลสัญญาณชีพและภาพถ่ายรังสีทรวงอก เริ่มจับเค้าลางบางอย่างของความยุ่งยากเกี่ยวกับโรคต่อไปค่อนข้างแน่

หลังจากสวมชุด PPE เต็มยศพร้อมกับ ผอ.รพ. จึงเคียงคู่กันเข้าไปเผชิญกับบุคคลในเป้าหมายถึงในห้องแยกโรคความดันลบ ได้พยายามอธิบายให้ฟังถึงโอกาสที่โรคลุกลาม แม้จะไม่มากนักแต่ก็ไม่น่าไว้ใจ ทางที่ดีขอเสนอให้เข้าไปรับการรักษาต่อที่ศิริราช เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนรุนแรงโดยใกล้ชิด อีกทั้งจะได้เป็นการลดภาระของทีมโควิดสมุทรสาคร ที่ต้องรับมือกับกองทัพผู้ป่วยจำนวนมาก ที่กำลังเริ่มหลั่งไหลเข้ามาแล้ว ตามฟอร์มตามคาด

คำตอบจึงเป็นว่า ไม่อยากให้ต้องลำบากกันคงไม่น่าเป็นอะไรมาก พร้อมกับทำหน้าระรื่นส่งสายตาเชิงบ่ายเบี่ยง กลั้วไปกับรอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะ ตามสไตล์ที่ใครเห็นก็ประทับใจ ด้วยความเกรงใจ และไม่คุ้นเคยกับผมมาก่อน ท่านจึงหลุดปากจบการสนทนาไล่แบบสุภาพว่า แล้วแต่หมอเห็นสมควรก็แล้วกัน

ผมจึงไม่รอช้า รีบรุกฆาตรวบรัดตัดความทันทีว่า ถ้าเช่นนั้นสรุปว่า ขอรับตัวเข้าไปดูแลรักษาที่ศิริราชซักระยะหนึ่งแล้วกันนะครับ พอเห็นลู่ทางว่าปลอดภัยแล้ว จะนำมาส่งคืนให้ทำงานต่อจนหนำใจ แล้วรีบประสานงานเตรียมความพร้อมกลัวเจ้าตัวเปลี่ยนใจ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นทีมศิริราชก็ส่งรถพยาบาลพร้อมทีมงานมืออาชีพไปรับท่านจนถึงที่

6

ช่วงแรกอาการปอดอักเสบ ดูลุกลามไปเร็ว ผ่านไปเพียงสองวัน ก็เกิดภาวะการหายใจล้มเหลว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ทุกอย่างคล้ายดีขึ้น จนหวังว่าจะทุเลาดังเช่นประสบการณ์ที่เคยมีกับผู้ป่วยโควิดวิกฤติที่เจอมาในระลอกแรก แต่การณ์หาเป็นไปตามคาดไม่ ยิ่งนานวันพวกเราเริ่มกุมขมับกับแนวโน้มของความยืดเยื้อ

จนเมื่อ 3 สัปดาห์ผ่านไป ผมเริ่มให้ข้อมูลกับครอบครัวเพื่อทำใจ เผื่อว่าผลการรักษาออกมาในด้านที่อาจไม่สมปรารถนาของทุกฝ่าย แต่การตอบรับของครอบครัว และแรงเชียร์จากภายนอกทั่วสารทิศ ยังหวังว่าจะมีหนทางที่จะย้อนคืนชะตาชีวิตคนที่ทรงคุณค่าของสังคมกลับมาได้

ผมเองเริ่มตระหนักว่าภาระหนักอึ้งสุด ๆ ของชีวิตการเป็นแพทย์ ได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการแพทย์ชุดใหญ่ของศิริราช มาร่วมกันหาหนทางก้าวเดินไปต่อ แม้ในตอนแรก จะยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ทุกคนในทีม ก็ไม่ยอมย่อท้อ พยายามมองหาตัวเลือก และตัวช่วยในทุกวิถีทาง

จวบจนความหวังค่อย ๆ ก่อรูปในไม่กี่วันถัดมา จากที่เกรงกันว่า ปอดจะถูกทำลายถาวร หรือไม่ก็มีพังผืดเข้ามาแทรกเต็มไปหมด จนไม่อาจกลับมาหายใจเองได้ และต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอด

แต่ด้วยการทุ่มเททำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม และให้ยารักษาของพวกเราเริ่มเห็นผล จนต่อมาจึงกล้าที่จะพูดได้เต็มปากว่า พ่อเมืองสาครพ้นภาวะวิกฤติแล้ว แต่คลื่นความกังวลลูกต่อไปก็เข้ามาแทนที่ เพราะแม้ว่าจะกลับหายใจด้วยตัวเองได้ ที่ยังห่วงคือ ร่างกายอันอ่อนล้า และสมองซึ่งถูกระงับการรับรู้ไปนานกว่าเดือน จะสามารถพลิกฟื้นกลับคืนมาได้เพียงไร เราคงไม่อยากเห็นท่านในสภาพผู้ป่วยติดเตียงเป็นแน่

ด้วยต้นทุนสุขภาพเดิมที่ดีสมวัย ด้วยการทุ่มเทใส่ใจในทุกรายละเอียดของทีมศิริราช ด้วยการหนุนช่วยอย่างเต็มกำลังของสมาชิกครอบครัว ด้วยแรงใจรอบด้าน ที่อยากเอาใจช่วยผู้ประกอบกรรมดี และท้ายสุด ด้วยความมุ่งมั่นเป็นพิเศษของเจ้าตัว ที่ต้องการจะหยัดยืนกลับมาอย่างสง่า นำมาซึ่งผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจที่พวกเราได้ร่วมประจักษ์กันอย่างเด่นชัดในวันนี้

ผมตื่นนอนเช้านี้ด้วยความชื่นมื่นสองประการ แน่นอนหนึ่งในนั้น คือ ผู้ป่วยคนสำคัญในห้องหมายเลข 1 (สองคืนหลังย้ายมาห้อง 10) ของผมมีกำหนดกลับบ้านแล้ว

ส่วนประการหลังผมได้แอบกระซิบเมื่อเจอหน้าบุคคลในประการแรกว่า เมื่อคืนแมนยูชนะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมยูโรป้าลีกแล้ว เมื่อถามไถ่กันก็พบว่า คืนก่อนออกเดินทางเจ้าตัวกุมสติได้มั่น จึงไม่มีผลรบกวนการนอนหลับ เช้ามาจึงปากแข็งบอกว่าแค่นี้ชิล ๆ แต่สังเกตว่าชีพจรและความดันโลหิต ขึ้นจากเดิมไปบ้างเล็กน้อย

7

เราวอร์มอัพด้วยการเดินจากห้องพักมาร่ำลาทีมพยาบาล และเจ้าหน้าที่ประจำหออภิบาลการหายใจ สถานที่ดูแลรักษาในช่วงเปลี่ยนผ่านกลับสู่การหายใจด้วยตัวเองได้ทั้งหมด บรรดาบุคลากรที่ไม่ได้ถูกนัดหมายกันไว้ก่อน ต่างมาร่วมยินดีกันอย่างออกนอกหน้า เห็นได้ชัดจากภาพถ่ายที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำ เมื่อกลับถึงห้องพักเจ้าตัวถึงกับบ่นว่า เหนื่อยกว่าเดิมหน่อย ทั้งที่ไม่ได้ออกแรงมากไปกว่าซ้อมวันก่อน

อ้าว…ไหนว่าไม่ตื่นเต้นไง

ช่วงสายเมื่อได้เวลา ทีมเราจึงร่ำลาพยาบาล และเจ้าหน้าที่ประจำหอผู้ป่วยพิเศษเดี่ยว หลังเอาสายรัดข้อมือแสดงตัวตนออก ซึ่งบ่งถึงการหมดสภาพการเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลแล้ว ในใจอดคิดไปไม่ได้ว่า อย่าเหลิงแล้วกันนะ เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน

ในหอประชุมราชแพทยาลัย ที่ผู้สื่อข่าวปักหลักรอกันอยู่เป็นจำนวนมาก ไฮไลท์น่าจะเป็นการเฝ้ารอการแถลงของพ่อเมืองสาคร จากสภาพที่ตอนแรกยังไม่กระปรี้กระเปร่านัก พอถึงคิว มือถือไมค์ไฟส่องหน้า วิญญาณศิลปินเก่าเริ่มเข้าสิง โหมโรงด้วยการประกาศเป็นอิสระจากโรงพยาบาลแล้ว เพราะเครื่องพันธนาการชิ้นสุดท้ายคือ สายข้อมือที่กล่าวไปก่อนหน้าถูกกำจัด

จากนั้นการแสดงความรู้สึกผ่านคำพูด เป็นไปอย่างรื่นไหล ไม่มีวี่แววคนที่เพิ่งฟื้นจากปอดอักเสบรุนแรง จุดใหญ่ใจความ นอกจากการทำให้ทีมศิริราชหัวใจพองโตแล้ว ยังเป็นการย้ำสาธารณชน ให้เห็นความสำคัญของมาตรการป้องกันโควิด โดยเฉพาะการใส่หน้ากาก เพราะมันช่วยให้คนรอบข้างท่าน นอกจากภรรยาแล้วไม่มีใครติดโควิดอีกเลย

นอกจากนั้นท่านยังเน้นถึงความสำคัญ ของการปลุกเร้ากำลังใจของมนุษย์เราในยามวิกฤติ โดยเฉพาะในเรื่องของการเจ็บป่วย เพราะท่านคิดว่า แม้มันจะเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่การกระทำต่าง ๆ ที่ท่านได้ประสบ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเร่งให้ฟื้นตัว สิ่งนี้ช่างสอดรับแนวคิดการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบองค์รวมทั้งกาย จิต และจิตวิญญาณ

ท้ายสุดที่ท่านฝากไว้กับพวกเราคือหลัก ททท หรือ ทำทันที เพราะประสบการณ์การโกงตายในครั้งนี้ สอนท่านว่า หากคิดจะลงมือทำสิ่งใด ๆ จงทำเสียแต่วันนี้ ชีวิตในภายภาคหน้าเป็นสิ่งไม่แน่นอน การพลัดพรากจากสิ่งรักอาจเกิดขึ้นได้ในวันนี้หรือวันพรุ่ง

9

จากนั้นผมและท่านคณบดีศิริราช จึงมุ่งหน้าสู่สมุทรสาคร เมื่อรถเข้าเทียบศาลากลางจังหวัด พ่อเมืองท่านโชว์ความแข็งแกร่งต่อหน้าลูกเมืองผู้รอต้อนรับ ด้วยการก้าวลงจากรถตู้อย่างทะมัดทะแมง แล้วเดินตัวปลิวเข้าสู่ตัวอาคาร พร้อมทักทายคนคุ้นเคยไปในระหว่างทางด้วยใบหน้าอิ่มสุข คนคอยประคองข้างเองเสียอีกที่ต้องคอยเบรคให้เพลาฝีเท้าไว้ โดยเฉพาะเมื่อสังเกตได้ว่า แรงที่ใช้หายใจถี่ ๆ ผ่านหน้ากากดูจะเกินกำลัง

ในห้องประชุมที่มีตัวแทนส่วนราชการ และภาคประชาชนอยู่รวมกันแบบไม่หนาแน่น นอกจากการแสดงความรู้สึกของคนที่ห่างหายกันไปนานแล้ว ท่านยังคงมีลีลาออดอ้อนมิตรรักแฟนเพลง เหมือนศิลปินลูกทุ่งชื่อดังในอดีต

เมื่อตัวแทนสื่อท้องถิ่นอยากให้ฝากข้อความถึงชาวสาคร จึงเป็นที่มาของวลี รักและคิดถึง พร้อมกับหยอดท้ายฝากให้พี่น้องสมุทรสาครร่วมมือร่วมใจกันต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง เพื่อนำพาบ้านเมืองพลิกฟื้นออกจากกับดักความยากลำบากของภัยโควิดให้ได้ในเร็ววัน

ก่อนจะขึ้นรถออกจากศาลากลาง พ่อเมืองคนเก่ง ยังสั่งงาน และทักทายลูกน้องไม่ขาดปาก นี่ถ้าไม่ตามมาคอยขัตตาทัพ สงสัยปูตัวนี้คงไต่ไปไหนยั้วเยี้ยเป็นแน่แท้

ต่อมาท่านได้เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่มีลมแม่น้ำพัดโชยมาเย็นสบาย ตามด้วยเข้านมัสการท่านเจ้าคณะจังหวัดและเป็นเจ้าอาวาสวัดเจษฎารามพระอารามหลวง (ใกล้ที่ตั้งร้านลอดช่องเจ้าดัง) นอกจากการอวยชัยให้พรแล้ว การประพรมน้ำมนต์คงเปรียบเสมือนการปลอบประโลมให้ร่มเย็นเป็นสุขหลังป่วยไข้ สมดังสโลแกนบนเสื้อยืดของท่านวันนี้ที่ว่า แค่พักไม่ได้แพ้

เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เป็นการปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อยปลาเข้าถ้ำ ผมปิดท้ายภารกิจวันนี้ ด้วยการขอติดตามไปส่งให้ถึงบ้านที่วิเศษชัยชาญ จะได้ครบเครื่อง เรื่องการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ตามที่ครูประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้มาให้

8

เมื่อไปถึงก่อนอาทิตย์ลับฟ้าเพียงเล็กน้อย ได้เดินสำรวจความพร้อมสถานที่ และอุปกรณ์ในการฝึกทำกายภาพบำบัดต่อเนื่อง ภายใต้การกำกับดูแลของทีมโรงพยาบาลอ่างทอง ที่ได้ประสานงานไว้ล่วงหน้า พร้อมให้ความมั่นใจกับทีมที่จะเป็นผู้ดูแลว่า ไม่ต้องเป็นห่วงสุขภาพของทั้งตัวท่าน และคนที่จะอยู่ด้วยในทุกๆ ด้าน

หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อค่ำก็ได้เวลาที่จะลาจาก ผมต้องดักคอปูตัวนี้ไว้ก่อนต่อหน้าคนในบ้านว่า แม้พ้นรั้วความเป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราชไปแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงติดตามการรักษาใกล้ชิดต่อที่บ้านร่วมกับภาคการแพทย์ในท้องที่ จะหลีกลี้หนีเที่ยว (ไปทำงาน) ตามอำเภอใจก็ขอให้เกรงใจกันบ้าง

นับเป็นการเสร็จสมขมวดปมพันธะสัญญาส่วนตัวที่หมายใจไว้ตั้งแต่ก่อนปีใหม่ เป็นเวลารวม 82 วัน ที่โชคชะตาชักนำให้คนสองคนที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อนได้มาพบเจอ แม้ผมจะเป็นรุ่นพี่เลือดสีน้ำเงินฟ้าหนึ่งปีในสำนักมัธยมปทุมคงคาก็ตาม

นับเป็นความปิติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของทีมศิริราช กับการกอบกู้วิกฤตสุขภาพของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัววิจิตร์แสงศรี ของชาวสมุทรสาครและอีกหลายจังหวัดที่ท่านเคยปกครอง และของประชาชนทั่วไปที่ติดตามชื่นชมผลงาน ได้เวลาอันสมควรสำหรับการ “คืนปูสู่สาคร” ตามที่หลายคนเฝ้ารอคอย

ขอปิดท้ายด้วยถ้อยคำที่อยากฝากไว้กับทุกท่านที่หวังดีได้ตระหนัก โดยสมาชิกครอบครัวท่านได้นำไปแสดงให้เห็นชัดที่รั้วบ้าน ความว่า

ด้วยนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร อยู่ในระหว่างพักฟื้นและทำกายภาพบำบัดร่างกายต่อที่บ้านภายใต้การติดตามของคณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช และเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน จึงขอให้งดการเข้าเยี่ยม”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo