COVID-19

ยกระดับ คุมเข้มตลาดทั่วไทย พบติดโควิดสั่งปิดทันที ฝ่าฝืนคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่น

ยกระดับ คุมเข้มตลาดทั่วไทย กรมอนามัย แนะบังคับใช้กฏหมายสาธารณสุข ควบคุมโควิด เจอตลาดไหนติดเชื้อ สั่งปิดได้ทันที ฝ่าฝืนจำคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่น

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัย ได้ขอความร่วมมือ กรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัด ยกระดับ คุมเข้มตลาดทั่วไทย โดยเน้นการควบคุม กำกับ ดูแลตลาดและสถานประกอบกิจการประเภทอื่น ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ยกระดับ คุมเข้มตลาดทั่วไทย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ ในพื้นที่ตลาดสุชาติ และตลาดพรพัฒน์ จังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมา พบว่า สถานประกอบกิจการตลาดส่วนใหญ่ ยังไม่ได้ดำเนินการ ประเมินสถานประกอบกิจการ ผ่านแพลตฟอร์ม Thai STOP COVID และขาดมาตรการคัดกรองโรค อย่างเคร่งครัด จึงไม่สามารถคัดแยกผู้ป่วย ละผู้ไม่ป่วยได้

ประกอบกับการดูแลสภาพแวดล้อม และระบบระบายอากาศ ที่ยังไม่ถูกหลักสุขาภิบาล รวมถึงพฤติกรรมส่วนบุคคลของผู้ขายของ ผู้ช่วยขายของ หรือผู้ปฏิบัติงาน และผู้ที่เข้ามารับบริการ ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ตลอดระยะเวลา ที่เข้ามาในตลาด

สำหรับการยกระดับควบคุม ป้องกันโควิด ในตลาด ให้กำกับดูแลโดยราชการส่วนท้องถิ่น ในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข แก่ผู้ประกอบกิจการตลาด และผู้ประกอบกิจการประเภทอื่น ๆ ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข เพื่อยกระดับมาตรฐานสุขาภิบาล และสุขอนามัยส่วนบุคคล ของผู้ขายของ ผู้ช่วยขายของหรือผู้ปฏิบัติงาน และผู้ที่เข้ามารับบริการ รวมทั้งสร้างความรู้ ความเข้าใจ แก่ผู้ประกอบกิจการ และประชาชนให้ใช้แพลตฟอร์ม Thai STOP COVID และไทยชนะ

ตลาด

กรณีที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อ และมีการแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 ในตลาด สามารถบังคับใช้กฎหมาย ว่าด้วยการสาธารณสุข ได้ดังนี้

1. ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยออกคำสั่ง ให้หยุดดำเนินกิจการตลาดทันที

หากผู้ประกอบกิจการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 25,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง และให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการต่อไป

2. ผู้ว่าราชการจังหวัด ออกคำสั่งตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 อาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยออกคำสั่งให้เจ้าของวัตถุ หรือบุคคล ซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุนี้ ระงับการกระทำ หรือกระทำการใด ๆ เพื่อแก้ไขหรือป้องกันความเสียหายนี้ได้ตามสมควร

หากผู้ประกอบกิจการ ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ของผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. เจ้าพนักงานสาธารณสุข อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 46 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกคำสั่งให้ผู้ประกอบกิจการ หรือผู้กระทำการไม่ถูกต้อง แก้ไข หรือระงับเหตุนั้น หรือดำเนินการใด ๆ เพื่อแก้ไข หรือระบุเหตุนั้นได้ตามสมควร แล้วให้แจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบ

หากผู้ประกอบกิจการ ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ของเจ้าพนักงานสาธารณสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ กรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัด อาจประสานการบังคับใช้ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ร่วมกับพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้อง ผ่านกลไกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจังหวัดต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo