COVID-19

วัคซีนโควิด 2 แสนโดส ถึงคลังเก็บ สธ.กระจายเข้าโรงพยาบาลปลายเดือน ก.พ.นี้

วัคซีนโควิด 2 แสนโดส ถึงคลังเก็บแล้ว เร่งตรวจสอบคุณภาพ สธ. พร้อมกระจายวัคซีนโควิด 19 ล็อตแรก ให้โรงพยาบาลฉีดกลุ่มเป้าหมาย

กระทรวงสาธารณสุข พร้อมจัดส่ง วัคซีนโควิด 2 แสนโดส ไปยังโรงพยาบาล ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมาย ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม เมื่อกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพแล้ว

วัคซีนโควิด 2 แสนโดส

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์ 2564)  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ Mr.Yang Xin อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ติดตามการลำเลียงวัคซีนโควิด 19 ล็อตแรกของบริษัทซิโนแวคจำนวน 2 แสนโดส

ทั้งนี้ ได้ลำเลียงวัคซีนโควิดเข้าสู่ คลังสำรองวัคซีนโควิด 19 องค์การเภสัชกรรม (คลังศรีเพชร DKSH) บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ถนนบางนา-ตราด กม. 19  และระบบการจัดเก็บวัคซีนภายในห้องควบคุมอุณหภูมิมาตรฐาน โดยวัคซีนล็อตนี้ บรรจุในหลอดวัคซีน ใน 1 กล่องเล็ก มีวัคซีน 40 หลอด

นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายฉีดให้กับทุกคนในประเทศไทย ตามความสมัครใจ ช่วยเสริมระบบการป้องกันโรค ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

1311901

สำหรับวันนี้ ได้รับวัคซีนของบริษัทซิโนแวค ล็อตแรก จำนวน 200,000 โดสแล้ว จะได้รับเพิ่มอีก 800,000 โดสในเดือนมีนาคม 2564 และอีก 1 ล้านโดสในเดือนเมษายน 2564 รวมทั้งสิ้น 2 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 ในเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2564

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ในการจัดเก็บ บรรจุ ภายในห้องจัดเก็บยาเย็น (Cold Chain) และกระจายภายใต้มาตรฐานสากล และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเข้าไปตรวจสอบคุณภาพ ตามมาตรฐาน

จากนั้น คาดว่าปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะสามารถจัดส่งไปยังโรงพยาบาล ตามแผนการฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย ประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อสม. ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด, พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวม 18 จังหวัด

1312031

ส่วนระบบการเก็บ และการจัดส่งวัคซีน จะควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 2-8 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณภาพของวัคซีน โดยวัคซีนโควิด 19 ของซิโนแวค ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผลของวัคซีน และขึ้นทะเบียนวัคซีนกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564

นอกจากนั้น ประเทศไทย จะได้รับวัคซีน จากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า อีก 61 ล้านโดส สำหรับฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายระยะที่ 2 ในเดือนมิถุนายน – ธันวาคม 2564 คาดว่าจะสามารถเปิดประเทศในปลายปี 2564 ทันฤดูกาลท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และปกป้องสุขภาพประชาชนได้

เปิดแผนฉีดวัคซีนโควิด งานใหญ่ สธ.

ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมระบบการจัดบริการฉีดวัคซีน ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อลดอัตราป่วยและเสียชีวิต ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง

1311621

ขณะเดียวกัน ยังเพื่อปกป้องระบบสุขภาพของประเทศ โดยฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า รวมถึงเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวกับการควบคุมโรคโควิด 19 และมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย รวมทั้งเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยจะฉีดให้ประชาชนทั่วไป และแรงงานในภาคธุรกิจบริการ ท่องเที่ยว อุตสาหกรรม

การฉีดในระยะแรก เมื่อวัคซีนมีปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 มีแผนการฉีดในเดือนมีนาคม – พฤษภาคม จำนวน 2 ล้านโดส ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายใน 18 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร, กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันตก), ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ, จ.ตาก (อ.แม่สอด), นครปฐม, สมุทรสงคราม, ราชบุรี, ชลบุรี, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย), เชียงใหม่, กระบี่, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, และเพชรบุรี

ในระยะที่ 2 เดือนมิถุนายน – ธันวาคม 2564 จะฉีดวัคซีนของบริษัทแอสตราเซนเนก้าอีก 61 ล้านโดส ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านโดสต่อเดือน

1311981

พร้อมกันนี้ ได้ให้กรมควบคุมโรค เร่งดำเนินการเรื่อง วัคซีนพาสปอร์ต ในการยืนยันตัวตัวตนหลังได้รับวัคซีนครบแล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน สำหรับใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ หรือในประเทศ ให้เป็นระบบดิจิทัลมากที่สุด รวมถึงให้เกิดการใช้งาน เกี่ยวกับวัคซีนอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้เกิดความครอบคลุมการใช้งาน และรองรับโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับวัคซีน “CoronaVac” ของซิโนแวค คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้มีข้อแนะนำ ว่า วัคซีนชนิดนี้ เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย กระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้ฉีดในประชาชนอายุ 18-59 ปี จำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 2-4 สัปดาห์ และมีการติดตามเฝ้าระวังอาการ ภายหลังได้รับวัคซีนแต่ละเข็ม เป็นระยะเวลา 30 วันหลังฉีด

ในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง แนะนำให้ฉีดห่างกัน 2 สัปดาห์ ห้ามฉีดให้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่อยู่ในภาวะควบคุมไม่ได้ ผู้ที่มีภาวะทางระบบประสาทอย่างรุนแรง หญิงตั้งครรภ์ และควรระวังในการฉีดในกลุ่มหญิงให้นมบุตร ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง นอกจากนี้ สามารถให้วัคซีนโควิด 19 ร่วมกับวัคซีนป้องกันโรคชนิดอื่นได้ โดยเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 14 วัน

1311911

ด้านการขนส่งวัคซีนโควิด นายจอห์น แคลร์ รองประธานฝ่ายบริหารหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ประเทศไทยและอินโดจีน (เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว) บริษัท ดีเคเอสเอช กล่าวว่า ดีเคเอสเอช พร้อมที่จะสนับสนุน การกระจายวัคซีนป้องกันโควิด 19 จำนวน 2 ล้านโดสนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ วัคซีนจะขนส่งในบรรจุภัณฑ์พิเศษ “Brilliant Box” ที่ใช้เทคโนโลยีการควบคุมอุณหภูมิของสินค้าในกล่อง เหมาะกับการบรรจุและขนส่งยาเย็น เช่น วัคซีนโควิด 19 ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิไว้ไม่เกิน 2 – 8 องศาเซลเซียส ตลอดการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพ จัดส่งด้วยรถขนส่งปรับอากาศ ที่มีระบบเก็บความเย็นเพื่อควบคุมอุณหภูมิในรถ ที่เหมาะกับการขนส่งยาเย็นโดยเฉพาะ และมีการติดตั้ง Data Logger ที่สามารถตรวจวัดอุณหภูมิภายในรถได้ตลอดการขนส่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo