ติดโควิดทั่วโลก ทะลุ 109 ล้านราย “หมอธีระ” แนะจับตาไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ อย่างน้อย 3 สายพันธุ์ หวังวัคซีนรุ่นใหม่ สร้างภูมิคุ้มกันได้
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โพสต์เพจเฟซบุ๊ก ถึงสถานการณ์ ติดโควิดทั่วโลก ล่าสุดทะลุ 109 ล้านราย พร้อมจับตา ไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ อย่างน้อย 3 สายพันธุ์ เตือนคนไทยโควิดปะทุหลังตรุษจีน โดยระบุว่า
“สถานการณ์ทั่วโลก 14 กุมภาพันธ์ 2564 วันแห่งความรัก ทั่วโลกทะลุ 109 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 380,679 คน รวมแล้วตอนนี้ 109,061,814 คน ตายเพิ่มอีก 11,476 คน ยอดตายรวม 2,403,138 คน
สหรัฐ เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 103,421 คน รวม 28,090,926 คน ตายเพิ่มอีก 5,603 คน ยอดตายรวม 492,038 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 12,188 คน รวม 10,904,738 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 44,299 คน รวม 9,809,754 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 14,861 คน รวม 4,057,698 คน
สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มอีก 13,307 คน รวม 4,027,106 คน
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลายหมื่นต่อวัน
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อิสราเอล อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่ม หลักพันถึงหลักหมื่น
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มแบบทรงตัว
เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนฮ่องกง เมียนมาร์ และเวียดนาม ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
เป็นที่คาดการณ์กันว่าไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์นั้นมีอย่างน้อย 3 สายพันธุ์ ที่ต้องจับตามองคือ
หนึ่ง สายพันธุ์สหราชอาณาจักร ที่เรียกว่า B.1.1.7 ตอนนี้แพร่ไปหลายสิบประเทศทั่วโลก และคาดการณ์ว่า จะเป็นต้นเหตุของการระบาดสาม มีการแพร่ไปอเมริกาตั้งแต่ปลายธันวาคม 2563 กระจายไปหลายสิบรัฐทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังคาดว่า จะเป็นสายพันธุ์ที่ครองการระบาดในอเมริกา ในอีกไม่กี่เดือนนี้ รวมทั้งมีการวิจัยในอังกฤษพบว่า แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์เดิมราว 50% และรุนแรง หรือทำให้เสียชีวิตมากขึ้นกว่าเดิมราว 35%
สอง สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ที่เรียกว่า B.1.351 มีตำแหน่งการกลายพันธุ์บางตำแหน่ง ที่คล้ายของสหราชอาณาจักร และตอนนี้มีแพร่ไปหลายประเทศนอกแอฟริกาใต้ ตรวจพบว่า แพร่ไปสหรัฐ ตั้งแต่มกราคม 2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ที่เป็นห่วงกันมาก คือ การดื้อต่อวัคซีนที่มีใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะแอนติบอดี้ต่อเชื้อ ที่ถูกกระตุ้นโดยวัคซีนหลายตัวที่มีอยู่นั้น ขึ้นในระดับน้อยกว่าสายพันธุ์เดิม และประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ ก็ลดลงกว่าสายพันธุ์เดิม
ขณะนี้จึงมีความพยายาม ไปปรับวัคซีน ให้สามารถครอบคลุมสายพันธุ์แอฟริกาใต้ให้ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะปรับ และนำไปทดสอบก่อนนำมาใช้จริง
สาม สายพันธุ์บราซิล ที่เรียกว่า P.1 ตรวจพบครั้งแรกในนักท่องเที่ยว 4 คนที่เดินทางจากบราซิลไปญี่ปุ่น และมีการพบในสหรัฐ ตั้งแต่ปลายมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ สายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงยีน 17 ตำแหน่ง โดย 3 ตำแหน่งเกิดขึ้น ที่โปรตีนส่วนหนาม ของไวรัสบริเวณ ที่ใช้จับกับเซลล์ของคน
ล่าสุด มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม สหราชอาณาจักร กำลังหาทางคิดค้นวัคซีน ที่นอกจากมีการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อโปรตีนส่วนหนามของไวรัส (spike protein) แล้ว จะมีการใส่โปรตีนส่วนที่เป็นเปลือกหุ้มสารพันธุกรรมของไวรัส ที่เรียกว่า nucleocapsid protein เข้าไปด้วย โดยหวังว่า จะกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่สามารถจัดการกับสายพันธุ์ใหม่ ๆ ในอนาคตของไวรัสได้
ทั้งนี้ เพราะมีความรู้กันว่า แม้ไวรัสจะกลายพันธุ์ แต่มักเปลี่ยนแปลงลักษณะโปรตีนส่วนหนาม โดยไม่ค่อยได้เปลี่ยนแปลง ส่วนของเปลือกหุ้มสารพันธุกรรมของไวรัส เท่าที่ทราบมา ตอนนี้ผ่านการวิจัยในห้องทดลองและสัตว์แล้ว
ผลในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันนั้นพบว่า มีระดับแอนติบอดี้ที่ดีพอ ๆ กับวัคซีนที่มีใช้ในปัจจุบัน แต่มีระดับภูมิคุ้มกันระดับเซลล์ที่สูงกว่า ทั้งนี้กำลังจะวิจัยในคน ดูแล้วมีความหวัง คงต้องเอาใจช่วยกันต่อไป
วิเคราะห์สถานการณ์การระบาดของไทยและเพื่อนบ้าน
ในแถบอาเซียนตอนนี้ หากไม่นับประเทศลาวและบรูไน ที่มีจำนวนการติดเชื้อน้อยมากตั้งแต่แรก จนถึงปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า ประเทศที่คุมโรคได้ดีที่สุดคือ สิงคโปร์ แม้จะเพลี่ยงพล้ำในระลอกแรก จนมีการติดเชื้อมาก แต่หลังจากสิงหาคม 2563 เป็นต้นมา คุมการระบาดได้ดีมาก ด้วยมาตรการที่เข้มงวด ชัดเจน ทันเวลา รวมไปถึงการจัดซื้อจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพสูง ให้แก่ประชาชนของเค้า
สำหรับไทยเรานั้น ผมขอเรียนย้ำตรง ๆ ว่า สถานการณ์ปัจจุบันไม่ปลอดภัย จำเป็นที่เราทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด ต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใช้ชีวิตอย่างมีสติ
ศึกระลอกสองนี้ยาว ยังไม่จบง่ายๆ
หากเราติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จะพบว่า มีแนวโน้มที่เราจะมีคนติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ได้รับการตรวจอีกจำนวนมากทีเดียว แถมล่าสุดยังมีทั้งเทศกาลตรุษจีน ในเมืองที่แออัด มีการชุมนุม มีการเดินทางกันต่างๆ นานา โอกาสเห็นการปะทุของการระบาดนั้นมีได้แน่ ช่วงที่อาจเห็นได้คือ ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่สาม ไปจนถึงปลายเดือนครับ
ใส่หน้ากากเสมอ ล้างมือบ่อยๆ อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร
ลด ละ เลี่ยง การกินดื่มในร้าน ซื้อกลับจะปลอดภัยกว่า
ลด ละ เลี่ยง การพบปะสังสรรค์และท่องเที่ยว
คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายคล้ายหวัด ให้รีบไปตรวจรักษา อย่าปล่อยไว้
ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันแห่งความรัก…
รักตัวเอง รักคนรัก รักครอบครัว…ต้องป้องกันตัวเสมอ
โควิด…ติด…ไม่ใช่แค่คุณ
Happy Valentine’s Day…
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอมนูญ’ ชี้จัดการโควิด ต้องเริ่มที่แรงงานต่างชาติ จับตรวจ-ฉีดวัคซีนทุกคน
- ‘หมอธีระ’ วิเคราะห์สถานการณ์ ‘โควิด’ ในไทย ลั่นยังไม่ปลอดภัย!
- ‘หมอธีระ’ จี้ ขันน็อต 4 เรื่อง ‘ตรวจ ป้องกัน รักษา วัคซีน’ สกัดระบาดซ้ำซาก
