COVID-19

เปิดชัด แผนจัดการวัคซีนโควิด 63 ล้านโดส ทั้งกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลาฉีด

แผนจัดการวัคซีนโควิด ระยะแรก ก.พ.- พ.ค. 2 ล้านโดส เน้นกลุ่มเป้าหมายพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ระยะที่ 2 ถึง ธ.ค. อีก 61 ล้านโดส

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 โดยคณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ แผนจัดการวัคซีนโควิด 19 ปี 2564 ซึ่งมี 2 ระยะ

แผนจัดการวัคซีนโควิด

สำหรับระยะแรกที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิด 19 รักษาระบบสุขภาพของประเทศ ฉีดให้ 5 กลุ่ม ได้แก่

  • บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน
  • ประชาชนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งที่อยู่ในระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัด ภูมิคุ้มกันบำบัด โรคเบาหวาน โรคอ้วน น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมหรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมต
  • ประชาชนที่มีอายุ 60 ขึ้นไป
  • เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย
  • ประชาชนทั่วไป และแรงงานในพื้นที่ระบาดของโควิด 19

อนิทุน

ระยะที่ 2 เมื่อวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากรและฟื้นฟูประเทศให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉีดให้กับ 7 กลุ่ม ได้แก่

  • ประชาชนทั่วไป
  • แรงงานในภาคอุตสาหกรรม
  • ผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์
  • ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ
  • นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ
  • กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 ในจังหวัดที่เหลือ
  • บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ๆ

อนุทิน

นอกจากนี้ ได้เห็นชอบแผนการกระจายวัคซีนโควิด 19 ระยะแรก เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ

ระยะที่ 1 จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดที่ยังพบผู้ป่วย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และตาก

ระยะที่ 2 เดือนมิถุนายนถึงธันวาคม 2564 จำนวน 61 ล้านโดส โดยมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง วางแผนฉีดวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อฉีดวัคซีนให้ครบทั้ง 63 ล้านโดส ภายในปี 2564

นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ภาพรวมมีการบริหารจัดการได้ดี ควบคุมโรคได้แล้ว ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่บ้าง ในจังหวัดสมุทรสาคร ตาก และกทม. ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ อสม. และทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ และเอกชน ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างหนัก

อนุมิน1

สำหรับการดำเนินการ ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคและควบคุมการระบาด วางแผนการจัดการกับสถานการณ์ระบาด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพียงพอ และ Bubble and Sealed Factory-Accommodation Quarantine ในจังหวัดสมุทรสาคร ให้อยู่ในพื้นที่แยกผู้ติดเชื้อออกมารักษา ถือว่าสถานการณ์ควบคุมได้ รวมทั้ง ศบค.ได้ออกประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา

ทั้งนี้ หากการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคได้ผลดี มีผู้ติดเชื้อลดลงมาก กระทรวงสาธารณสุข จะได้เสนอมาตรการผ่อนคลายต่อ ศบค.เพิ่มขึ้น โดยขึ้นกับสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลา ซึ่งทุกภาคส่วนยังต้องเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของจำนวนวัคซีนโควิด 19 ที่ประเทศไทยจะได้รับนั้น จะมาจากวัคซีนของบริษัทซิโนแวค จำนวน 2 ล้านโดส ในเร็ว ๆ นี้ และเดือนมิถุนายน จะมีวัคซีนที่สั่งซื้อจากบริษัทแอสตราเซนเนกา 26 ล้านโดส และที่จองเพิ่ม 35 ล้านโดส รวมเป็น 63 ล้านโดส ถือว่าครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย

พร้อมกันนี้ ได้แต่งตั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีน ซึ่งมีการประชุมเตรียมการคณะทำงานทั้ง 6 คณะ และได้เตรียมขั้นตอนการให้บริการวัคซีนโควิด 19 แก่ประชาชนอย่างเป็นระบบ

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการฯ ยังได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. โดยจัดตั้งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก เพิ่มอีก 1 แห่ง เป็นด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ด่านที่ 69 ของประเทศ เพื่อให้มีบุคลากรด้านการป้องกันควบคุมโรคปฏิบัติหน้าที่ประจำที่ด่านฯ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการเดินทางผ่านเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo