COVID-19

คลายข้อสงสัย! สธ.ออกโรงยัน การจัดหาวัคซีน โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

การจัดหาวัคซีน โปร่งใส สธ. ยันตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน การดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ทุกขั้นตอน พร้อมกำกับดูแลเข้มข้น ป้องกันทุจริต

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ มีผู้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ การดำเนินการ เรื่องวัคซีนโควิด-19 ว่า อาจมีการทุจริตเกิดขึ้นได้ ในขั้นตอนการนำไปฉีด นั้น ขอยืนยันว่า รัฐบาล ได้วางแผนการบริหารจัดการ การจัดหาวัคซีน ที่เป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ทุกขั้นตอน

การจัดหาวัคซีน

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการจองซื้อ และ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต จากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า เพื่อผลิต และนำมาฉีดให้กับคนไทย จำนวน 26 ล้านโดส ซึ่งทั้งหมด ไม่ได้จัดส่งในครั้งเดียว โดย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค ได้ร่วมกันจัดเตรียมแผนไว้อย่างครบถ้วน ในการกระจายวัคซีน ไปยังกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับประเด็น การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เพื่อรับวัคซีน นั้น จะมีคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค และคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบ โดยพิจารณาจากปัจจัย เช่น ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ ความรุนแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิต เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ มีโรคประจำตัว รวมถึงมีข้อกำหนด และการควบคุมการนำไปฉีด ที่ชัดเจน

ขณะที่ การบริหารจัดการวัคซีน หลังจากได้มา ในส่วนของคุณภาพของวัคซีน จะพิจารณาตั้งแต่ ทำการทดลองสำเร็จ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะร่วมตรวจสอบทุกล็อต ที่ส่งมอบ เพื่อให้มั่นใจว่า วัคซีนที่รับมา มีคุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์1
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์

นอกจากนี้ ระบบขนส่ง จะมีระบบลูกโซ่ความเย็น อยู่ในอุณหภูมิที่กำหนด ทำให้วัคซีนไปถึงปลายทาง ต้องมีคุณภาพเท่ากับ ตอนที่ผลิตจากโรงงาน

ด้านความปลอดภัยของวัคซีน ในระยะทำการทดลองฉีด อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ไข้ เจ็บ ปวดบวม จนกระทั่งผลขั้นร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ กระทรวงสาธารณสุข จะมีระบบติดตามตรวจสอบตามหลักสากล (AEFI)

ส่วนความมั่นคงความปลอดภัย ในการบริหารจัดการวัคซีน จะมีการควบคุมดูแลกำกับ อย่างเข้มข้นเป็นระบบ เพื่อป้องกันการทุจริต หรือนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง และให้ไปถึงกลุ่มเป้าหมาย อย่างครบถ้วนที่สุด เกิดปัญหาน้อยที่สุด

ด้านนายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่รัฐบาล อนุมัติงบประมาณสนับสนุน การจัดหาวัคซีนเบื้องต้น 26 ล้านโดส เพื่อทยอยจัดให้กับประชาชน ตามกลุ่มเป้าหมาย เป็นการจองซื้อกับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ร่วมกับ ออกซฟอร์ด เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต ให้กับประเทศ

นพ.นคร เปรมศรี
นายแพทย์นคร เปรมศรี

ขณะเดียวกัน ยังเป็นหลักประกันว่า จะมี วัคซีนโควิด มาฉีดให้กับคนไทยอย่างแน่นอน โดยมี บริษัท สยามไบโอไซเอนส์ จำกัด เป็นผู้ผลิต ทำให้ประเทศไทย สามารถผลิตวัคซีน ไม่ได้นำเข้า นับเป็นส่วนสำคัญ เนื่องจากการผลิตวัคซีนโควิด-19 และเทคโนโลยีที่ได้รับ เป็นศักยภาพของประเทศ เป็นความมั่นคงด้านสุขภาพ ในการรับมือกับโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

นายแพทย์นคร กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีโอกาสจัดหาวัคซีนเพิ่มขึ้นจาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ผ่านบริษัท สยามไบโอไซเอนส์ จำกัด หรือ บริษัทอื่น ซึ่งการเจรจาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุข สถาบันวัคซีน ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดูเงื่อนไข ข้อดีข้อเสีย และข้อตกลง เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ได้รับ วัคซีนโควิด ทันเวลาไม่ล่าช้า มีคุณภาพ และประสิทธิภาพในการป้องกันโรค

นอกจากนี้ จะพิจารณาจากกำลังการผลิต ในแต่ละเดือน เพื่อวางระบบการขนส่งให้เหมาะสม ซึ่งตามสัญญาความร่วมมือประเทศไทยจะผลิต เพื่อนำไปใช้ดูแล ในภูมิภาคอาเซียนด้วย โดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะอนุญาตในการส่งออก

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังมีแผนการจัดหา วัคซีนโควิด อื่น ๆ เพื่อรองรับการวิจัยในประเทศ ให้เดินหน้าต่อไป โดยมีเครือข่ายวิจัยวัคซีนในประเทศ ทั้ง มหาวิทยาลัย ภาครัฐ เอกชน เพื่อการได้มาของวัคซีนที่เพิ่มขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo