ฤดูหนาว ไวรัสอยู่ได้นานขึ้น หมอยง ชี้ โรค RSV และโรคหวัดมีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนคนไทยเริ่มการ์ดตก คาดปี 64 โควิด-19 เบาบางลง แต่ไม่หายไป
นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แถลงข่าวที่ ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ว่า ฤดูหนาว ไวรัสอยู่ได้นานขึ้น
ทั้งนี้เนื่องจาก ในช่วงฤดูหนาว ไวรัสจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น โดยอุณหภูมิติดลบ 70 องศาเซลเซียส สามารถอยู่ได้ตลอดไป, ติดลบ 20 องศาเซลเซียส อาจอยู่ได้เป็นปี, 0 องศาเซลเซียสอยู่ได้หลายเดือน เรียกว่าอุณหภูมิสูงขึ้น อายุไวรัสจะยิ่งสั้นลง
สำหรับประเทศไทย ไม่ได้มีอากาศหนาวเย็นแบบซีกโลกเหนือ และอากาศหนาวก็อยู่ไม่นาน สมมติประเทศไทยมีอากาศหนาวประมาณ 4 องศาเซลเซียส ถามว่าไวรัสจะอยู่ได้กี่วัน คงไม่สามารถตอบได้ชัดเจน เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องความชื้น สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมอย่างอื่นด้วย แต่ประมาณได้ว่าอยู่ได้เป็นวัน ๆ สิ่งสำคัญ คือ การทำความสะอาด และล้างมือบ่อย ๆ
ในประเทศไทย โรคทางเดินหายใจส่วนใหญ่ จึงระบาดในฤดูฝนมากกว่า แต่ฤดูหนาว ก็ยังระบาดได้ง่ายกว่าฤดูร้อนเช่นกัน โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม จนถึงกุมภาพันธ์ เป็นอีกช่วงที่มีการระบาดของโรคทางเดินหายใจสูง และทำให้แยกอาการจากโรคโควิด 19 ได้ยาก หากไม่ตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ส่วนโรคทางเดินหายใจ ที่พบมากในฤดูหนาว มี 3 โรคได้แก่ โรค RSV, โรคไข้หวัดจากเชื้อไรโนไวรัส และโรคไข้หวัดใหญ่ ทั้งนี้ โรค RSV พบว่าระบาดช้าลง จากเดิมพบในฤดูฝน แต่ปีนี้ พบการระบาดช่วงกันยายนเป็นต้นมา นับตั้งแต่เปิดเทอม ช่วงเดือนสิงหาคม และเริ่มเจอโรคหวัดเพิ่มมากขึ้น ในทุกกลุ่มอายุ สะท้อนว่า คนไทยเริ่มการ์ดตก สวมหน้ากากน้อยลง เว้นระยะห่างน้อยลง จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันมากขึ้น
ขณะที่ การต่อสู้กับโรคโควิด-19 เปรียบเสมือน การวิ่งมาราธอนในระยะยาว ซึ่งขณะนี้โรคโควิด-19 ระบาดใกล้ครบ 1 ปีแล้ว ประเทศไทยพยายามใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมโรค หากเปรียบเทียบกับโรคไข้หวัดใหญ่สเปน ถือว่ายังไม่ถึงครึ่งทาง คาดว่าอีก 1-2 ปี โรคถึงจะสงบลง
“คนไทย ยังคงต้องใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่หรือ New Normal ไปอีกไม่น้อยกว่า 1 ปี ที่ยังต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง จึงขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งการ์ดตก”นายแพทย์ยง กล่าว
นอกจากนี้ ยังคาดว่า ในปี 2564 ประเทศไทยจะยังอยู่กับโรคโควิด-19 แม้อาจเบาบางลง แต่ยังไม่ถึงกับสงบ การที่โรคโควิด 19 จะสงบลง จะต้องมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยร้อยละ 60 ของประชากร
อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถปล่อยให้โรคสงบลง โดยมีผู้เสียชีวิตในอัตราร้อยละ 1 ของประชากร เหมือนสมัยโรคไข้หวัดใหญ่สเปนได้ ซึ่งตอนนั้นประเทศไทยมีประชากร 8 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 8 หมื่นคน ปัจจุบันเรามีประชากร 70 ล้านคน หากต้องเสียชีวิตถึง 7 แสนคนแล้วโรคสงบลง จึงเป็นตัวเลขที่เรายอมรับไม่ได้
ดังนั้น ขอให้ทุกคนยังต้อง สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด เพื่อเอาชนะโรคนี้ หรืออีกแนวทางหนึ่งคือ การทำให้ทุกคน มีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 60 ของประชากรเช่นกัน คือประมาณ 40 ล้านคน ทำให้ต้องใช้วัคซีนไม่น้อยกว่า 80 ล้านโดส ในกรณีมีประสิทธิภาพ 100%
แต่ถ้ามีประสิทธิภาพ 70-90% ก็ต้องฉีดให้ประชากรมากกว่าร้อยละ 60 อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ได้รับวัคซีนทุกคนภายในปีหน้า
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่า การทำให้ไวรัสนี้ หมดไปจากโลก ยังเป็นเรื่องยากเช่นกัน เนื่องจากแพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ แต่หากควบคุมให้โรคสงบลงได้ ก็จะเปลี่ยนเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาตามฤดูกาล แต่ที่ต้องระวัง คือ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และความดัน ที่การติดเชื้ออาจทำให้มีอาการรุนแรง
ในส่วนของการทำพลาสมา ที่มีภูมิต้านทานระดับสูง ซึ่งได้จากการบริจาคของผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 เพื่อนำมารักษาผู้ป่วยนั้น ขณะนี้มีการบริจาคมากกว่า 400 หน่วยแล้ว โดยมีอายุประมาณ 1 ปี
ล่าสุดมีการนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในสถานกักกันที่รัฐกำหนด และตรวจพบเชื้อ โดยมีโรคปอดบวมค่อนข้างรุนแรง โดยให้ 2 ครั้งห่างกัน 3 วัน ขณะนี้ผ่านมาแล้วประมาณ 10 วัน ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังนำพลาสมาจำนวนครึ่งหนึ่ง มาทำเป็นเซรุ่มได้ประมาณ 600 ขวด ขวดละ 2 มิลลิลิตร ซึ่งมีความเข้มข้นอย่างมาก เก็บได้นานถึง 3 ปี ซึ่งในอนาคต หากประเทศไทยยังไม่มีผู้ป่วยโควิด-19 พลาสมาที่เหลือจะนำมาทำเป็นเซรุ่มต่อไป เพื่อนำมาใช้เมื่อยามจำเป็น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อัพเดตความคืบหน้า ‘วัคซีนโควิด-19’ ยุโรปกว้านซื้อใส่คลังเพิ่ม 160 ล้านโดส
- สิงคโปร์เริ่มยิ้มออก! ไร้ผู้ป่วยโควิดใหม่ในประเทศ 14 วันติด ลั่นคุมระบาดในหมู่แรงงานได้แล้ว
- โควิดวันนี้ 25 พ.ย. พบผู้ป่วยใหม่ 4 ราย กลับจากต่างประเทศทั้งหมด มีชาวต่างชาติคนเดียว