COVID-19

ศบค. ไฟเขียวต่างชาติเข้าไทย เปิดทางจ้างแรงงานต่างด้าว

ไฟเขียวต่างชาติเข้าไทย  3 กลุ่ม กลุ่มแรงงานต่างด้าว, ข้อตกลงพิเศษ และผู้ที่ถือบัตร Thailand Elite Card ย้ำมาตรการเข้มงวด ตรวจคัดกรองโรค

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ศบค.ได้ ไฟเขียวต่างชาติเข้าไทย ได้แก่ คนต่างด้าว ตลอดจนคู่สมรสและบุตร ที่ได้รับอนุญาต ให้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย กลุ่มผู้ที่ได้รับอนุญาต ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement) หรือ ผู้ที่ถือบัตร Thailand Elite Card

ไฟเขียวต่างชาติเข้าไทย

สำหรับแรงงานต่างด้าวจาก 3 สัญชาติ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย นั้น กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงสาธารณสุข ได้เพิ่มความเข้มงวด ในการตรวจคัดกรองโรค ตั้งแต่ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หากพบว่า มีอาการป่วยติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ยืนยันว่า ไม่มีการอนุญาตเข้าประเทศไทย

ส่วนผู้ที่ไม่พบอาการป่วย ก็ต้องเข้าสู่สถานกักกันตัวใน Local Quarantine หรือ Organizational Quarantine เพื่อสังเกตอาการ ตามมาตรการที่วางไว้ อย่างเคร่งครัดเช่นกัน

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค. ได้ผ่อนคลายให้สามารถกักกั้นตัว เพื่อสังเกตอาการ ภายในพื้นที่โรงแรมห้องละ 2 คน เพื่อช่วยผู้ประกอบการ ลดค่าใช้จ่าย พร้อมแนะแนวทาง การจ้างงานแรงงานต่างด้าว ที่อยู่ในไทย ที่อาจว่างงาน และต้องกลับประเทศ ควบคู่ไปกับ การนำแรงงานต่างด้าว จากต่างประเทศ เพราะแรงงานในประเทศจะปลอดเชื้อ

นอกจากนี้ ยังขอให้ประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเจอ แรงงานต่างด้าว ที่ผิดกฎหมาย บริเวณพื้นที่ติดชายแดน สามารถแจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือ สาธารณสุขจังหวัดได้ทันที เพื่อป้องกัน การแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19

นพ.ทวีศิลป์
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ส่วนการพิจารณาอนุญาตให้สนามโค สนามชนไก่ สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่น ในลักษณะทำนองเดียวกัน ให้เป็นดุลยพินิจของ ผู้ว่ากรุงเทพมหานครหรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 13) ข้อที่ 3 ให้มีอำนาจ ในเปิดดำเนินการ และ ให้บริการได้ตามความเหมาะสม

ขณะที่ในแต่ละจังหวัด จะมี คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับอำเภอ (พชอ.) ทำหน้าที่เหมือน ศบค. ประจำจังหวัด กระจายอำนาจ สู่ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตำบลต่าง ๆ เพื่อความรวดเร็ว ในการควบคุมดูแลกิจการ กิจกรรม ที่ได้รับการผ่อนคลาย ซึ่งจะต้องปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันโรค ตามที่ทางราชการกำหนด อย่างเคร่งครัด

โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาผ่อนคลาย การบังคับใช้มาตรการ ในการป้องกัน และยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะทำหน้าที่ดูแลการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมในภาพรวม เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินงานต่าง ๆ

ในส่วนของการเปิดการเรียนการสอน ตามปกติ ของโรงเรียนกว่า 4,500 แห่งทั่วประเทศ ที่อยู่ภายใต้สังกัด สพฐ. สำนักงานพระพุทธฯ และโรงเรียนเอกชน นั้น โรงเรียนบางแห่งมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ มีความแออัดของชั้นเรียน จึงยังต้องหารือกันในรายละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจ ในการควบคุม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในโรงเรียน

ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการ จะพิจารณาหนทาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของ ผู้ปกครอง และบุคลากรทางด้านการศึกษาโดยเร็วที่สุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo