COVID-19

เร่งเปิดเรียนปกติ ส่วนจุดผ่อนปรน 91 แห่ง รอ ศบค.เคาะอีกรอบ

เร่งเปิดเรียนปกติ เหลืออีก 4,532 แห่ง ที่ยังต้องสลับเรียน ส่วนจุดผ่อนปรนการค้า 91 แห่งทั่วประเทศ ยังต้องรอ ศบค. พร้อมยันคุมเข้มแรงงานต่างด้าวเข้าไทย

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีโรงเรียนจำนวนหลายหมื่นแห่งทั่วประเทศ ที่เริ่มกลับมาเปิดการเรียนการสอนปกติ เหลือเพียงอีก 4,532 แห่งที่ยังต้องสลับกลุ่ม สลับวันมาเรียน ซึ่งจะ เร่งเปิดเรียนปกติ ให้ได้ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด

เร่งเปิดเรียนปกติ

สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่กลับมาดำเนินการเรียน การสอนปกติ ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนที่พื้นที่จำกัด ห้องเรียนขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหลายโรงเรียนมีนโยบายที่แตกต่างกัน ทำให้ยังไม่สามารถกลับไปเปิดการเรียนการสอนแบบปกติได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข เร่งหารือ เพื่อจัดทำมาตรการ สำหรับโรงเรียนที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ รวมทั้งให้ปรับปรุงประสิทธิภาพการเรียนการสอน เพื่อลดภาระของครูผู้สอนและผู้ปกครอง โดยจะให้เสนอต่อ ศบค. เพื่อพิจารณาให้มีการผ่อนคลายโดยเร็วที่สุดต่อไป

ในส่วนของ กรณีคณะกรรมการกลุ่มการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดน เสนอให้เปิดจุดผ่านแดน จุดผ่อนปรนการค้า ทั้งหมด 91 จุดทั่วประเทศ แบบถาวร ตั้งแต่เดือนสิงหาคม นี้ โฆษก สบค. ชี้แจงว่า กะทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และฝ่ายความมั่นคง จะกำหนดความเหมาะสม และความพร้อม ของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เพื่อเสนอศบค. ให้พิจารณาเห็นชอบ โดยมีเป้าหมายควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ควบคู่ไปกับการดูแลเศรษฐกิจ

ด้านพื้นที่ Organizational Quarantine เป็นความร่วมมือจากหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน มีวัตถุประสงค์ เพื่อการจัดหาพื้นที่รองรับ สำหรับแรงงานที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานสาธารณสุข ปลอดภัย ลดค่าใช้จ่าย โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าว ต้องกักตัวในพื้นที่ 14 วัน เพื่อป้องกันควบคุมโรค พร้อมทั้งสร้างความปลอดภัย มั่นใจให้แก่ประชาชนในประเทศ

นพ.ทวีศิลป์ 3
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ขณะที่ สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ในวันนี้ (24 กรกฏาคม) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้า State Quarantine โดยเป็นผู้เดินทางมาจากซูดาน 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย เยอรมัน 1 ราย และเนเธอร์แลนด์ 1 ราย และสหรัฐอเมริกา 6 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,279 ราย สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 342 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 114 ราย

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของโลกนั้น พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมอยู่ที่ 15,651,911 ราย จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 278,295 ราย รวมจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 636,470 ราย โดยสหรัฐอเมริกา ยังคงมีผู้ป่วยยืนยันสะสมเป็นอันดับที่ 1 ของโลก รองลงมาคือ บราซิล และอินเดีย ตามลำดับ ปัจจุบันไทยอยู่อันดับที่ 104 ของโลก

โฆษก ศบค. ยังกล่าวขอบคุณองค์การอนามัยโลก ที่เลือกประเทศไทยในการถ่ายทำสารคดี ความสำเร็จในการจัดการการควบคุมและป้องกันโควิด-19 โดยอีกประเทศหนึ่งคือ นิวซีแลนด์

นอกจากนี้ สำนักงานข่าว Bloomberg จัดอันดับให้ไทยจัดการโควิด-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา 75 ประเทศ โดยอันดับ 1-3 เป็นของไต้หวัน บอตสวานา และเกาหลีใต้ ส่วนประเทศจีนเป็นอันดับที่ 5 โดยใช้ตัวชี้วัดคือ อัตราผู้เสียชีวิตเปรียบเทียมการดำเนินกิจกรรมของประชาชนเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนโควิด และการดำเนินโยบายของภาครัฐในการลดความเสียหายที่เกิดขึ้น

โฆษก ศบค. ยังรายงานคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศวันนี้รวม 582 คน วันพรุ่งนี้ 615 คน และมีผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านจุดผ่านแดนทางบกจำนวน 70 คน

ขณะที่ ยอดคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศ ที่ต้องกักกันตัวในที่กักกันของรัฐจัดให้ (State Quarantine และ Local Quarantine) ตั้งแต่ 3 เมษายน – 23 กรกฎาคม มีจำนวน 63,861 ราย กลับบ้านแล้ว 54,369 ราย พบผู้ติดเชื้อจากสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 342 ราย รักษาหายและกลับบ้านได้แล้ว 227 ราย

ส่วนยอดสะสมการใช้งาน www.ไทยชนะ.com ตั้งแต่เริ่มโครงการ มีผู้ใช้งาน 38,392,089 คน ร้านค้าลงทะเบียน 278,974 ร้าน เช็คอิน/เช็คเอาท์ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะอยู่ที่ร้อยละ 95.8

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo