COVID-19

พ่อแม่ต้องรู้!! จับ ‘5 สัญญาณเตือน’ ผลกระทบจากเลื่อนเปิดเทอม

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการของไทย ต้องประกาศเลื่อนเปิดเทอมจากกลางเดือนพฤษภาคมออกไปเป็น 1 กรกฎาคม 2563 รวมทั้ง 186 ประเทศทั่วโลกก็ยังใช้มาตรการปิดโรงเรียนและเลื่อนการเรียนการสอนออกไปเช่นกัน ส่งผลให้นักเรียน นักศึกษาทั่วโลก ที่มีมากถึง 1.3 พันล้านคนทั่วโลกได้รับผลกระทบ คิดเป็น 73.8% ของผู้เรียนวัยเด็กและวัยรุ่นทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา หรือ “ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ” ภายใต้บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เล็งเห็นถึงผลกระทบที่จะตามมา จึงได้วิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมพ่อแม่ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษา ให้สามารถรับมือต่อผลกระทบจากการเลื่อนเปิดเทอมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เรียนออนไลน์

ดร.การดี เลียวไพโรจน์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยจากการวิเคราะห์ของธนาคารโลกถึงปัญหาของการปิดโรงเรียนในระยะเวลานาน จะทำให้แนวโน้มการเรียนรู้ของเด็กลดลง

การที่เด็กอยู่บ้านเป็นระยะเวลานาน หรือไม่ได้รับการเรียนการสอนเหมือนตอนเปิดเทอมอาจทำให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้ของเด็กต่ำลง และหากอยู่บ้านนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป จะส่งผลให้ความรู้ของเด็กอาจสูญหายไปประมาณครึ่งปีการศึกษา

ปัญหาเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครอง สถานศึกษา และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง จะต้องหันมาให้ความสำคัญและเตรียมแผนรับมือ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งถือเป็นอนาคตของประเทศ

ดร.การดี เลียวไพโรจน์
ดร.การดี เลียวไพโรจน์

น.ส.วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ นักวิจัยด้านการคาดการณ์อนาคต ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า จากผลจากการวิเคราะห์ผ่าน Web of Impact หรือ เครื่องมือวิเคราะห์ผลกระทบของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม ครอบคลุมทั้งมิติด้านสังคม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การเมือง และค่านิยม กับ 5 สัญญาณเตือนพ่อแม่ จากผลกระทบการเลื่อนเปิดเทอม

1. ปัญหาสุขภาพจิตและการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่ยากจน เด็กกลุ่มนี้ต้องพึ่งพาอาหารเช้าและอาหารกลางวันจากทางโรงเรียน เมื่อต้องอยู่บ้าน ทำให้เด็กกลุ่มนี้เกิดปัญหาการขาดแคลนอาหาร ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เกิดภาวะทุพโภชนาการ ส่งผลต่อพัฒนาการและสติปัญญาของเด็ก

ปัญหาดังกล่าว ทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรออกมาให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้ปกครองเกี่ยวกับเรื่องการดูแลเด็ก และให้ความช่วยเหลือในการดูเด็กแทนผู้ปกครองที่ไม่สามารถดูแลได้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กปฐมวัย กลุ่มเด็กเปราะบางเด็กในระดับชั้นประถมศึกษา รวมถึงสุขภาพจิตของเด็กและผู้ปกครอง

Quarantine Schooling

 

นอกจากนี้ ปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงในครอบครัว อาจเกิดมากขึ้นในช่วงนี้ โดยอาการซึมเศร้าของเด็กและวัยรุ่น อาจแสดงอาการออกมาแตกต่างจากผู้ใหญ่ เช่น มีปัญหาการเรียน ฉุนเฉียวง่าย ก้าวร้าว เก็บตัว หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงอันตราย เช่น ทำร้ายตัวเอง ติดเกม ดื่มแอลกอฮอล์ ใช้สารเสพติด

ด้วยเหตุผลดังกล่าวพ่อแม่ควรต้องใส่ใจการดูแลสุขภาพจิตของตนเอง ลูก และสมาชิกในครอบครัวให้มากขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่การสร้างเวลาที่มีคุณภาพในครอบครัว เปิดใจรับฟังซึ่งกันและกัน หาความรู้ด้านสุขภาพจิตเพิ่มเติม หากพบปัญหามากขึ้นสามารถใช้บริการขอรับคำปรึกษาผ่านทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

2. การปรับตัวสู่การเรียนออนไลน์ แม้บางโรงเรียนเริ่มมีการปรับตัวใช้หลักสูตรออนไลน์ แต่ยังมีปัญหาที่สำคัญอีกหลายประเด็นไม่ว่าจะเป็นการที่บางโรงเรียนปรับตัวไม่ทัน เด็กบางคนไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะเด็กที่มาจากครอบครัวยากจน และเรื่องภัยบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการคุกคามหรือกลั่นแกล้ง (Cyberbullying) ที่เกิดขึ้นขณะเด็กใช้เทคโนโลยี เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรระมัดระวังถึงความปลอดภัยของเด็กให้มากขึ้น

K Wipattra Noey3
วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ

3. ผลกระทบจากเศรษฐกิจหยุดชะงัก มาตรการปิดเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหนัก ผู้ประกอบการธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก ลูกจ้างบางคนถูกเลิกจ้างกะทันหัน ทำให้สถานะทางการเงินของครอบครัวเด็กจำนวนมากเปลี่ยนไป เด็กมีโอกาสหลุดออกจากระบบการศึกษา เพื่อไปช่วยงานที่บ้าน หรือครอบครัวไม่มีรายได้เพียงพอสำหรับค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายทางการศึกษา

ผลกระทบของสิ่งนี้อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กอย่างถาวร อีกทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเด็กอาจถูกปิดตัวลง อาทิ สวนสนุก สถาบันกวดวิชา หรือสถานศึกษา นอกจากนี้ยังกระทบไปถึงกลุ่มของนักศึกษาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแผนทางการศึกษาที่ถูกเปลี่ยนแปลง เรื่องการทำงานหารายได้พิเศษระหว่างเรียน ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมือง หรือการสมัครงานของนักศึกษาจบใหม่อาจมีการเปิดรับน้อยลงหรือแข่งขันสูงขึ้น อาจทำให้เด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้ต้องเผชิญสถานการณ์ที่กดดันอย่างหนัก เกิดความเครียดสะสมได้

fig 11 05 2019 04 20 51

4. เด็กและพื้นที่การเรียนรู้ เด็กทุกคนควรมีพื้นที่ที่เหมาะสม ปลอดภัย สำหรับการเรียนรู้และการใช้ชีวิต เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมต่าง ๆ จากข้อมูลของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบว่าเด็กไทยโดยเฉลี่ยมากกว่า 30% ไม่มีห้องส่วนตัวในการทำงานหรือทำการบ้าน แต่เด็กกลุ่มยากจนจะยิ่งมีสัดส่วนที่สูงกว่านั้น ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กเกิดภาวะความเครียด ไม่มีสมาธิในการเรียน ประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงานอาจลดลง

5. ค่านิยมต่อสถานศึกษา การให้ความสำคัญกับโรงเรียน สถานศึกษา และครูผู้สอนนั้นอาจเปลี่ยนแปลงไป เพราะคนบางกลุ่มคิดว่าการศึกษาสามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์จากบ้านได้ แนวคิดที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีการเรียนเฉพาะในห้องเรียนหรือการเกิด Hybrid Homeschool อาจเกิดแพร่หลายมากขึ้น

แนวคิดดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อสถานศึกษาและอาชีพครูโดยตรงที่จะต้องปรับตัว นอกจากนั้นเรื่องค่านิยมในการศึกษาต่อต่างประเทศก็เกิดผลกระทบโดยตรงเช่นกัน เช่น ประเทศจีน ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้มีนักศึกษาต่างชาติเข้าศึกษาต่อที่ประเทศจีนลดลงเหลือเพียง 21% ของจำนวนสถานศึกษาทั้งหมด

Avatar photo