COVID-19

ศบค.รายงานผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 29 ราย ย้ำยังไม่ควรผ่อนมาตรการ เหตุเชื้อโรคยังเต็มเมือง

รายงานผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 29 ราย ป่วยสะสม 2,672 ราย หายป่วยอีก 96 ราย ชื่นชม 9 จังหวัด ยังปลอดผู้ป่วยโควิด-19 และ 25 จังหวัดไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ครบ 14 วัน โฆษกศบค.ย้ำ ยังไม่ควรผ่อนคลายมาตรการป้องกันแพร่ระบาด เหตุเชื้อโควิด ยังมีเต็มประเทศ กรุงเทพ-นนทบุรี ยอดผู้ติดเชื้อกลับมาสูง เทียบประเทศอื่นยังไม่กล้าผ่อนกฎ 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ประจำวันที่ 16 เมษายน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 29 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,672 ราย หายป่วยเพิ่ม 96 ราย รวมผู้ป่วยหายกลับบ้านแล้ว 1,593 ราย และเสียชีวิต 3 ราย รวม 46 ราย

report01 01 3

ผู้ป่วยรายใหม่ 29 ราย ประกอบด้วย

  • กลุ่มสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 14 ราย
  • กลับจากต่างประเทศ 2 ราย
  • อาชีพเสี่ยง 2 ราย
  • ไปสถานที่ชุมชน 1 ราย
  • รอสอบสวนโรค 10 ราย

TH UpDate02 6

สำหรับผู้เสียชีวิต 3 ราย รายแรก เป็นชาวมาเลเซีย อายุ 55 ปี เป็นไกด์ทัวร์ ไม่มีโรคประจำตัว แต่มีความเสี่ยง คือ ไปทำงานที่จอร์เจีย 13-19 มีนาคม และมีลูกทัวร์ป่วยโควิด-19 หลังกลับมาเมืองไทยเมื่อ 19 มีนาคม ก็เริ่มป่วย และ 21 มีนาคม มารับรักษาในรพ.ในกรุงเทพ วันที่ 29 มีนาคม อาการ คือ ไอ เหนื่อย ออกซิเจนในเลือดลง ปอดอักเสบ ส่งตรวจ ยืนยันเป็นโควิด จากนั้นก็อาการแย่ลง และเสียชีวิต 14 เมษายน

รายที่ 2 เป็นหญิง อายุ 35 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน โรคประจำตัว คือ เบาหวาน ไขมัน รักษาไม่ตอเนื่อง ป่วย 20 มีนาคม อาการ คือ ไอ เหนื่อย รักษารพ.เอกชน ได้ยา และกลับบ้าน อาการไม่ดีขึ้น และกลับมารักษาใหม่วันที่ 26 มีนาคม พบไอ มากขึ้น เหนื่อยมากขี้น เป็นปอดอักเสบรุนแรง และติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมาเหนื่อยมากขึ้น ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และอาการแย่ลง เสียชีวิต15 เมษายน

รายที่ 3 เป็น ชายไทย อายุ 37 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ขับรถแบคโฮ โรคประจำตัว คือ ความดันโลหิตสูง และมีภาวะอ้วน ประวัติ คือ ภรรยาทำงานย่านสุขุมวิท เมื่อร้านปิด มาอยู่ที่ปราจีนบุรี 18 มีนาคม ต่อมา 22 มีนาคม มีไข้สูง ทอมซิลอักเสบ รักษาคลินิกที่ปราจีนบุรี  และอาการมากขี้น กลับมารักษาที่คลินิคต่อ โดยแพทย์ให้ไปรพ.ประจำจังหวัดปราจีนบุรี และพบมีไข้สูง 39 องศา หน้ามืด แพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ส่งตรวจพบเป็นโควิด-19 อาการแย่งลง และเสียชีวิต 15 เมษายน

report02 01 4

เราจะพบว่าผู้เสียชีวิตวันนี้อายุต่ำกว่า 60 ปี และผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่วันนี้ก็อายุ 20-29 ปี รวมทั้งสิ้น 634 ราย อายุผู้ป่วยเฉลี่ย 40 ปี มีทั้งเพศชายและหญิง ทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ

ทั้งนี้แม้ตัวเลขของผู้ป่วยรายใหม่จะลดลง แต่เรามีผู้เสียชีวิตทุกวัน และหากวันนี้ยังช่วยกันดำเนินมาตรการต่างๆอย่างดีต่อไป ผู้เสียชีวิตจะลดลงแน่นอน ในอีก 14 วันข้างหน้า

16Map increase02

16Map increase

สำหรับยอดผู้ป่วยรายจังหวัดทั้ง 68 จังหวัด สูงสุด 3 อันดับแรก อยู่ใน กรุงเทพ ป่วยสูงสุด 1,349 ราย ภูเก็ต 191 ราย นนทบุรี 148 ราย ส่วนผู้ป่วยต่อแสนประชากร ภูเก็ตยังสูงสุด 46.2 รองลงมาเป็นกรุงเทพ 23.79 และยะลา 17.97 ทั้งนี้นอกจากมี 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อแล้ว ยังต้องขอชื่นชม 25 จังหวัด ที่ปลอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ครบ 14 วัน ในช่วง 2-15 เมษายน

16Mar Nocases

นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่า เรากังวล ยังไม่อยากให้ผ่อนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดต่างๆเร็วเกินไป เข้าใจว่าหลายคน อยากผ่อนคลาย แต่ข้อมูลจะเป็นตัวสำคัญในการตัดสินใจ ที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างไร  ในวันที่เรายังต้องเผชิญกับโรคนี้ แม้จะเห็นแนวโน้มจังหวัดที่มีสีแดงลดลง หรือไม่มีผู้ป่วยรายใหม่  แต่กรุงเทพ และนนทบุรี ยังมีผู้ป่วยรายใหม่ และสูงขึ้นในช่วง 2-3 วันนี้ หรือมองไปทั้งโลกก็ยังเป็นพื้นที่สีแดงเต็มไปหมด แม้เราจะสีเขียว แต่ก็ไม่ปลอดภัย เหมือนไข้เลือดออก เราไม่มียุง แต่ข้างบ้านเรา เป็นไข้เลือดออก คิดหรือว่าเราจะปลอดภัยหรือไม่

“การผ่อนปรนมาตรการ ต้องร่วมกันตัดสินใจ ซึ่งพรก.จะมีอายุถึง 30 เมษายน ไม่ได้ยกเลิกโดยอัตโนมัติ เพราะนายกรัฐมนตรี ระบุว่า บอกว่าต้องประชุมกันก่อน และประมินก่อนหมดอายุ หลักการ คือ สุขภาพมาก่อน ตามมาด้วยเศรษฐกิจ และสังคม  อย่างไรก็ตามหากจัหวัดไหนทำดีๆ มาแล้ว อยากให้รางวัล เพราะคนในจังหวัดมีวินัย ก็ทำได้เป็นพื้นที่ไป  แต่ผมเองไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ต้องเป็นการหาข้อสรุปจากคณะกรรมการชุดใหญ่ และต้องมีกระบวนการตัดสินใจ”

นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่า เชื่อว่าเราต้องสู้กับโควิด-19 ไปอีกพอสมควร เพราะรีวิวข่าวในประเทศต่างๆ ก็ไม่มีประเทศไหนกล้ายกเลิกมาตรการป้องกันแพร่ระบาดในตอนนี้  ญี่ปุ่นก็เพิ่งมาเข้มอีก เราทำดีๆอยู่จะผ่อนคลาย ก็กระไรอยู่ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับชุดข้อมูลท้้งสิ้น และเราทุกคนต้องมีวินัย เดินหน้าอย่างพร้อมเพรียง

หากเรารู้ลักษณะโรค เรามีระยะห่างไปให้ตลอด และทุกที่ ทำได้ก็ตอบโจทย์ได้ เช่น ร้านอาหาร ขายอาหารแบบมีเก้าอี้ โต๊ะเว้นโต๊ะได้หรือไม่ หรือเปิดห้าง แบบมีพื้นที่เดินในห้าง ไม่อยู่ใกล้กัน ทุกคนใส่หน้ากาก ยอมรับหรือไม่ หากห้างคนแน่นเกิน  ต้องยืนรอกัน เพื่อเข้า หรือ อาจต้องกลับบ้าน เพราะในห้างคนเต็ม ยอมรับกันได้หรือไม่

ขอย้ำว่าวันนี้เราเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 29 ราย แต่ไม่ได้หมายความว่าหาย ยังมีเชื้อเต็มไปหมด เราจะปล่อยตัวเลขขึ้นมาเป็นหลักร้อย หรือหลายร้อยอีกหรือ? และใครจะตัดสินใจที่จะผ่อนคลาย ต้องคุยร่วมกันทุกภาคส่วน คณะทำงานก็กำลังดูกันอย่างเข้มข้น  ประเด็นสำคัญในวันนี้ อยู่ที่เราต้องร่วมมือกันรักษาระยะห่างให้ได้ 90% ขึ้นไป ถ้าเราการ์ดตกวันนี้ โดนน็อคทันทีแน่นอน

“การร่วมมือ ร่วมใจสร้างระยะห่าง 100%  หรือ ทำได้ 90% ขึ้นไป ก็รอดท้้งประเทศ ซึ่งต้องการความร่วมมือของทุกคน เราไม่ได้แบ่งศาสนา เชื้อชาติ การเมือง  ทุกคนล้วนเป็นคนไทย ศัตรูของเรา คือ เชื้อโรคนิดเดียว เราต้องใช้ใจสัมผัส และสู้กับเชื้อโรคให้หายไปจากประเทศไทย “

 

Avatar photo