COVID-19

ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ 50 ราย ‘หมอแก้ว’ ย้ำสถานการณ์ยังวางใจไม่ได้ ศบค.ชี้ 2 ปัจจัยเสี่ยง

ผู้ป่วยรายใหม่เหลือหลักสิบอีก รวม 50 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,473 ราย ศบค.ระบุ หากต้องการให้เหลือ “ศูนย์” ต้องช่วยกัน โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว มีสถิติป่วยมากที่สุด ย้ำไทยมี 2 ปัจจัยเสี่ยงหลัก “สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย” และ “เดินทางกลับจากต่างประเทศ”  ด้าน “หมอแก้ว” ประกาศตัวเลขผู้ป่วยรายวัน เหลือหลับสิบ ยังวางใจไม่ได้ จนกว่าจะเห็นผู้ป่วยรายสุดท้าย และสถานการณ์นิ่งจากนั้น อีก 14 วัน ติดต่อกัน  

report01 016

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงสถานการณ์วันนี้ (10 เม.ย.) ว่า มีรายงานผู้ป่วยเพิ่ม 50 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมเป็น 2,473 ราย ผู้ป่ายรักษาหาย กลับบ้านเพิ่ม 73 ราย รวมกลับบ้านแล้ว 1,013 ราย รักษาตัวอยู่รพ.1,427 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นรายที่ 33

กลุ่มผู้ป่วยใหม่ ทั้ง 50 ราย ประกอบด้วย

  • กลุ่มสัมผัสผู้ป่วย 27 ราย อยู่ในกรุงเทพ 11 ราย ยะลา 7 ราย
  • คนไทยกลับจากต่างประเทศ 3 ราย เป็นคนไทยกลับจากสหรัฐ 1 ราย และอังกฤษ 2 ราย
  • อาชีพเสี่ยง 5 ราย
  • บุคลากรการแพทย์ 4 ราย
  • ไปสถานที่ชุมชน 3 ราย
  • รอสอบสวนโรค 8 ราย

TH UpDate02 011

กรณีผู้เสียชีวิต เป็นหญิงไทย อายุ 43 ปี อาชีพค้าขาย มีโรคประจำตัว คือ โรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือ SLE  โดยวันที่ 6 เมษายน 2563 มีอาการไข้ 38.9 องศา ถ่ายเหลว อาเจียน หายใจหอบเหนื่อย ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จังหวัดฉะเชิงเทรา ความดันโลหิตตก ซึ่งแพทย์ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ ผลเอ็กซเรย์ปอดพบว่า ปอดอักเสบแบบรุนแรง และเสียชีวิตวันที่ 7 เมษายน 2563 ทั้งนี้เราต้องนำข้อมูลผู้เสียชีวิตมาบอก เพราะเป็นโรคใหม่  ที่ทุกคนต้องเรียนรู้ กรณีผู้เสียชีวิตรายนี้จะพบว่า มีอาการถ่ายเหลวร่วมด้วย

สำหรับผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่วันนี้ มีถึง 27 ราย ส่วนใหญ่เป็น การสัมผัสใกล้ชิดคนในบ้าน บางคนติดเชื้อไม่รู้ตัว และมาสัมผัสคนในบ้าน ทำให้คนอื่นติดไปด้วย ดังนั้นการมีระยะห่างไว้ก่อนดีที่สุด โดยให้คิดไว้ก่อนว่า คนในบ้านมีโอกาสรับเชื้อได้ และทางดีที่สุดต้องใส่หน้ากากด้วย

report04 012

หากดูรายพื้นที่ กลุ่มผู้ป่วยใหม่ พบในกรุงเทพมากที่สุด 19 ราย ยะลา 7 ราย ภูเก็ต 5 ราย นนทบุรี 4 ราย สมุทรปราการ 4 ราย นครสวรรค์ ปราจีนบุรี จังหวัดละ 2 ราย นอกจากนั้นจังหวัดละ 1 ราย

ยอดผู้ป่วยสะสม 5 อันดับ กรุงเทพ ยังสูงสุด 1,262 ราย รองลงมาคือ ภูเก็ต 166 ราย นนทบุรี 148 ราย สมุทรปราการ 108 ราย หากเทียบอัตราการติดเชื้อต่อประชากรแสนคน ภูเก็ตยังสูงสุด หรือ 38.95% กรุงเทพ 22.25% ยะลา 13.1%

ส่วนจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ 9 จังหว้ด ประกอบด้วย กำแพงเพชร อ่างทอง สิงห์บุรี ระนอง พิจิตร บึงกาฬ น่าน ตราด และชัยนาท ที่หายไป คือ พังงา เพราะวานนี้ ( 9 เม.ย.) มีรายงาน พบผู้ป่วยครั้งแรก 1 ราย

report02 015

สำหรับช่วงอายุที่ติดเชื้อมากที่สุด คือ อายุ 20-29 ปี ยังเป็นผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ รวมป่วยสะสม 576 ราย ผู้ป่วยอายุน้อยที่สุด 1 เดือน มากที่สุด 86 ปี ผู้ป่วยอายุเฉลี่ย 39 ปี จึงต้องเน้นย้ำว่า คนหนุ่มสาว ซึ่งยังเดินทางไปมา เป็นพาหะที่เดินได้ ไปรับเชื้อ และกลับมาแพร่ระบาด ก็ต้องลดละเลิก ไปทำงานต้องป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากากตลอดเวลา เมื่อต้องเดินทางเข้าที่ชุมชน ป่วยต้องรีบหยุดงานและมารักษา

สำหรับข้อมูลปัจจัยเสี่ยงสูงสุดสรุปจาก 2 สัปดาห์สุดท้าย ประกอบด้วย

  • การสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยรายก่อนหน้า 517 ราย ซึ่งมักเป็นคนในครอบครัว เป็นสาเหตุต้องของดกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุในช่วงสงกรานต์ 
  • คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ รวม 161 ราย
  • อาชีพเสี่ยง 123 ราย
  • สถานบันเทิง 77 ราย
  • บุคลากรสาธารณสุข 55 ราย
  • ชาวต่างชาติมาไทย 40 ราย
  • พิธีกรรมทางศาสนา 36 ราย
  • ไปสถานที่ชุมชน 34 ราย
  • สนามมวย 31 ราย
  • สัมผัสผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 18 ราย
  • ไปสถานที่แออัด เช่น งานแฟร์ คอนเสิร์ต 15 ราย

ส่วนกลุ่มสนามมวยลดลงแล้ว จนวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เหลือ “ศูนย์” แต่ก็ต้องใช้เวลานานถึง 1 เดือน 

report05 013

ทางด้านกลุ่มคนไทยเดินทางมาจากต่างประเทศ ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเช้านี้ มาจากเนเธอร์แลนด์ 15 ราย สิงคโปร์ 18 ราย ที่จะมาถึงเย็นวันนี้ รวม 33 ราย ซึ่งต้องนำไป State Quarantine ที่เราจัดหาที่พักให้อยู่อย่างสะดวกสบาย หลายโรงแรมจัดหาที่พักอย่างดีให้ เช่น โรงแรมภัทรา และดูแลเหมือนเป็นแขกมาพัก หลายคนไปเปรียบเทียบบางประเทศ ที่ไม่สะดวกสบายเท่าเรา อย่างไรก็ตามเราต้องทำงานอย่างหนักในการหาพื้นที่

และในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) จะมีคนไทยเดินทางเข้ามาอีก มาจากรัสเซีย 35 ราย  ญี่ปุ่น 1 ที่ติดค้าง ส่วนนักเรียนแรกเปลี่ยน AFS 152 รายนั้น ยังไม่มีไฟร์ทบิน แต่ทางสถานทูต และฝ่ายความมั่นคง ได้ประสานงานกับสหรัฐแล้ว เพราะเขาจะนำเครื่องบินมารับทหารกลับบ้าน ขณะนี้เชื่อมเวลากันอยู่ ลูกหลานเราก็จะได้กลับบ้านตามที่อนุญาตกันไว้

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเรารับเข้ามาได้วันละ 200 รายเท่านั้น จากที่เราดูความสามารถในการรองรับ บุคลากรที่ต้องไปดูแลด้วย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากแพทย์ทหารมาช่วย ทั้งนี้เราทราบความทุกข์ร้อนของทุกคน แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มก้อนใหญ่จากต่างประเทศ ซึ่งมีความประสงค์จะกลับมาประมาณ 5,000 ถึง 20,000 หมื่นราย เราจึงต้องเตรียมในหลายเรื่อง เช่น ที่พัก ซึ่งที่ผ่านมาบางแห่งก็มีปัญหา คือ ประชาชนไม่ยอมรับ หลายโรงแรมก็ต้องยกเลิกไป

report03 015

ที่เราห่วง คือ คนไทยที่ไปทำงานประเทศรอบบ้านเราด้วย เช่น ไปเป็นแรงงานบ้านของเขา หรือไปทำงานร้านอาหาร แต่ประเทศนั้นก็ปิดเมือง ร้านอาหารก็ไม่ได้เปิด คนของเราก็ต้องการเข้ามา เพราะไม่มีงานทำ ไม่มีที่อยู่ ก็ขอให้ทยอยเข้ามาดีกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากวันที่ 18 เมษายน จะมาประเมินอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงรายวัน ทำให้เราก็ต้องดูเป็นรายวันด้วย

“ยืนยันว่า คนไทยมีสิทธิกลับ แต่เราต้องปกป้องคน 65 ล้านคนคู่กันไปด้วย จึงต้องสมดุลให้ดี ส่วนเงินที่จะให้กับคนไทยที่อยู่ต่างประเทศเหมือนคนไทยได้ 5,000 บาทนั้น หลักการ คือ เคลื่อนย้าย ให้น้อยที่สุด ก็ต้องยืดเวลาที่เขาจะกลับมา 1-2 เดือน แต่ทำอย่างไรให้เขาดำรงชีพอยู่ได้ เพราะเขาก็เป็นคนไทย ซึ่งหลักการนี้ หลายคนเห็นด้วย ที่จะต้องไปคิดกัน ตอนนี้ยังเป็นแนวทางอยู่ ” 

ANN 9343

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัรสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข ถึงกรณีประชาชนยังคงเดินทางไปมา โดยเฉพาะในกรุงเทพ เห็นได้จากรถวิ่งเต็มท้องถนน เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเหลือหลักสิบติดต่อกันนั้น โดยย้ำว่า ตัวเลขลดลงเหลือหลักสิบ อย่าตีปีก อย่าประมาท และอย่าวางใจ เพราะโรคนี้ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เพียงเราพลาดแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น อย่าลืมเหตุการณ์ สถานบันเทิงย่านทองหล่อ สนามมวย ที่พลาดครั้งเดียว ยอดผู้ป่วยก็เพิ่มอย่างรวดเร็ว เราตัองใจเย็นๆกับสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายกำลังประเมินมาตรการในระยะต่อไป หากสถานการณ์ดีขึ้น จนผ่อนคลายอะไรบางอย่างได้บ้าง ก็จะดำเนินการ แต่ขอย้ำว่า เราจะวางใจต่อเมื่อผู้ป่วยเกิดขึ้นเป็นรายสุดท้าย และนับจากนั้นไปอีก 14 วัน ระหว่างนั้น มีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นอีก ก็ต้องนับไปอีก 14 วัน

Avatar photo