ห่วง “ผู้วัย” เหตุอัตราเสียชีวิต 39% ส่วนกลุ่มแพร่เชื้อเป็นวัยหนุ่มสาว ให้ยึดหลัก 3 ล. สร้างระยะห่างผู้สูงอายุ กับบุตรหลาน แนะสงกรานต์ เปลี่ยนวิธีแสดงความกตัญญู ในช่วงโควิด-19 ระบาด เป็นโทรศัพท์อวยพรแทน ส่วนผู้วัย ต้อง “งดออกจากบ้าน”
แม้ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มใหญ่ของประเทศไทย จะมีอายุช่วง 20-29 ปี แต่อัตราการเสียชีวิตทั้ง 26 ราย เป็นผู้สูงอายุ คิดเป็น 39 % จากยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด และจำนวนไม่น้อย ติดจากบุตรหลานที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ซึ่งบุตรหลาน อาจไม่รู้ว่าติดเชื้อเข้าไปแล้ว หรือประมาท เพิกเฉยกับการเว้นระยะห่างทางสังคม คลุกคลีกับผู้สูงอายุในบ้าน
สาธารณสุข จึงออกมาย้ำเตือนเสมอว่า คนหนุ่มสาวนี่แหละที่จะแพร่เชื้อให้คนสูงวัย โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ แม้จะไม่หยุดแต่ประเพณีรดน้ำดำหัวของไทยที่ตกทอดกันมานาน อาจทำให้หลายคนเผลอหลุด มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน เรื่องนี้พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ย้ำว่า ในช่วงเดือนเมษายน ที่มีประเพณีสงกรานต์ บุตรหลานวัยทำงานไม่ควรกลับไปเยี่ยมพ่อ แม่ หรือผู้สูงอายุที่ภูมิลำเนา เพราะอาจนำเชื้อโรคไปสู่ท่านได้
ขอแนะนำให้เปลี่ยนวิธี ด้วยการสื่อสารช่องทางต่างๆ เช่น โทรศัพท์ ไลน์ หรือเฟซบุค สำหรับผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุ อยู่ที่บ้านให้ยึดหลัก 3 ล. ปฏิบัติ ป้องกันติดโรโควิด-19 คือ
- ลดความเสี่ยงจากการสัมผัส ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
- ลดการแพร่เชื้อ อยู่บ้านให้สวมหน้ากากผ้า
- เลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค คนหนาแน่น เลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้า และดูแลสุขภาพตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และรับผิดชอบต่อสังคม หากกลับจากพื้นที่เสี่ยง ต้องแยกสังเกตอาการไม่น้อยกว่า 14 วัน
ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสการรับเชื้อ แนะนำผู้สูงอายุ ควรงดออกนอกบ้าน หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ก่อนรับประทานอาหารและหลังใช้ห้องส้วม ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก แยกสำรับอาหาร และแยกของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น อยู่ห่างจากบุตรหลานและผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร
และเปลี่ยนวิธี การติดต่อสื่อสารกับบุตรหลานด้วยการใช้ โทรศัพท์ ไลน์ ทั้งนี้ สำหรับบุตรหลานวัยทำงานที่ออกนอกบ้านมีโอกาสรับเชื้อโรค เมื่อกลับเข้าบ้านควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุและเด็กเล็ก เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ
นอกจากนี้ยังแนะนำซ้ำในเรื่อง การทิ้งหน้ากากอนามัย สำหรับประชาชนทั่วไป ถือเป็นขยะทั่วไป ให้จำกัดโดยจับสายรัด และถอดหน้ากากอนามัยจากด้านหลัง (ไม่สัมผัสตัวหน้ากาก) ทิ้งในถังขยะ ที่มีฝาปิดที่ใกล้ที่สุดทันที จากนั้นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
และแนะนำให้ใช้หน้ากากผ้า โดยล้างมือให้สะอาดก่อนสวมอย่างถูกวิธี หลังใช้ซักด้วยผงซักฟอก ตากแดดจนแห้ง และเปลี่ยนทุกวัน หากเป็นผู้ป่วยหรือต้องดูแลผู้ป่วยในบ้าน เลือกใช้หน้ากากอนามัย หลังใช้ล้างมือให้สะอาด และทิ้งหน้ากากอนามัยลงถังที่มีฝาปิดมิดชิด
ส่วนผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวังที่ต้องกักกันตัวเองที่บ้าน (Self-Home Quarantine) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ติดตามผู้กักกันตัวเองที่บ้าน หน้ากากอนามัย อาจปนเปื้อนเชื้อโรคจากน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เมื่อใช้งานแล้วให้จับสายรัด และถอดหน้ากากอนามัยจากด้านหลัง (ไม่สัมผัสตัวหน้ากาก) เก็บใส่ถุงขยะ 2 ชั้น และทำลายเชื้อเบื้องต้น โดยราดน้ำยาฟอกขาวมัดปากถุงให้แน่น ทิ้งรวมกับขยะทั่วไป ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ทันที
สำหรับหน้ากากอนามัยของบุคลากรทางการแพทย์ เป็นขยะติดเชื้อ ต้องล้างมือให้สะอาด สวมอย่างถูกวิธี ใช้ครั้งเดียว และทิ้งลงถังขยะติดเชื้อ ก่อนนำไปทำลายอย่างถูกวิธี
- อัพเดทสถานการณ์ ‘ไวรัสโควิด-19’ วันที่ 7 เมษายน 2563
- แพทย์ ส่งสัญญาณ! พื้นที่เสี่ยง ย้ายจากกรุงเทพ ไปต่างจังหวัดแล้ว ระวังผู้สูงอายุ-คนมีโรคประจำตัว
- ‘หมอธีระวัฒน์’เตือน2โฟกัส ‘คนสูงอายุ’เสี่ยงเสียชีวิต ‘หนุ่มสาว’อาจไม่รู้ตัวแพร่ ‘โควิด’