COVID-19

พบผู้ป่วยรายใหม่ เกี่ยวข้องขนส่งสาธารณะครบ ทั้งบก-เรือ-อากาศ ย้ำผู้เกี่ยวข้องและผู้เดินทาง ระวัง!

ไทยติดเชื้ออีก 136 คน สะสม 1,524 คน เสียชีวิตอีก 2 ราย สธ.กำลังสอบประวัติเหตุอายุไม่ถึง 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว พบผู่ป่วยรายใหม่เกี่ยวข้องขนส่งสาธารณะครบ ทั้งทางบก-อากาศ-เรือ ย้ำผู้เกี่ยวข้อง และผู้เดินทางระมัดระวังตนเอง ขอความร่วมมือต่อเนื่องเว้นระยะห่าง ไม่ไปที่แออัดให้ได้ 80% ขึ้นไป พร้อมประกาศ! สาธารณสุข ไม่เคยปิดกั้น หรือห้ามไม่ให้รับบริจาค เพราะเป็นการแสดงน้ำใจและให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์

ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำเนียบรัฐบาล ประกาศสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ประจำวันที่ 30 มีนาคม 2563

907909

นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันนี้ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัส COVID-19 เพิ่มขึ้น 136 ราย ยอดรวมสะสม 1,524 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 9 ราย กลับบ้าน 16 ราย สรุปมีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 127 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,388 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 71 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 2 ราย กลุ่มสถานบันเทิง 10 ราย กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 59 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 59 ราย เป็น กลุ่มที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งคนไทย และคนต่างชาติ 21 ราย คนไทย 17 ราย ชาวต่างชาติ 4 ราย รัสเซีย ฝรั่งเศส อัลบาเนีย และอินเดีย เป็นกลุ่มผู้ทำงาน,อาศัย ในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 15 ราย  กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย กลุ่มที่ไปสถานที่แออัด 3 ราย ตลาดนัด ตลาดชนไก่  กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับขนส่งสาธารณะ 4 ราย และกลุ่มอื่นๆ ตามเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 14 ราย

กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อ แต่อยู่ระหว่างรอประวัติ และสอบสวนโรค 6 ราย

report02

สำหรับผู้ป่วยเสียชีวิต 2 ราย รายที่ 1 เป็นชายไทยอายุ 54 ปี มีประวัติเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลยะลา รายที่ 2 เป็นหญิงไทย อายุ 56 ปี มีภาวะปอดอักเสบ เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ส่วนผู้ป่วยอาการรุนแรงจำนวน 23 ราย ทุกรายอยู่ในภาวะวิกฤติ ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 

P01 011

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 136 ราย กระจายอยู่ใน 18 จังหวัด มากสุดที่กรุงเทพ 80 ราย รองลงมา คือ เชียงใหม่ 9 ราย สมุทรปราการ 7 ราย ภูเก็ต 6 ราย ชลบุรี และนครสวรรค์จังหวัดละ 3 ราย เป็นต้น

ทั้งนี้ยังพบผู้ป่วยรายใหม่ ในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับขนส่งสาธารณะ ทั้งรถแท็กซี่ , รถเมล์, รถบัส, รถตู้, รถไฟฟ้า, เรือ, เครื่องบิน อย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสาธารณะ คนขับ ผู้โดยสาร พนักงานอื่นๆ รวมทั้งประชาชน ที่จำเป็นต้องเดินทาง เพิ่มความระมัดระวัง ป้องกันตัวเอง โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง เว้นระยะห่าง ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ อาบน้ำทันทีเมื่อกลับเข้าบ้าน และเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเอง และคนในครอบครัว

ในส่วนผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ และพนักงาน ต้องทำความสะอาดยานพาหนะอย่างสม่ำเสมอ เปิดประตูหน้าต่าง ระบายอากาศ และหลังรับผู้โดยสาร ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก ให้สวมถุงมือทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ 70% หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เน้นพื้นผิวที่ประชาชนสัมผัสบ่อย เช่น มือจับประตู เบาะรถ ที่พักแขน เป็นต้น

report

นพ.อนุพงศ์ เล่ารายละเอียดว่า ผู้ป่วยของไทย 1,524 ราย เป็นคนไทย 1,297 ราย สัญชาติอื่น 227 ราย อยู่ใน 59 จังหวัด พื้นที่ กรุงเทพ 715 ราย ปริมณฑล 144 ราย ภาคใต้ตอนล่าง 82 ราย และอื่นๆ 583 ราย  โดยพบว่าลำปาง และน่าน ไม่พบตัวเลขผู้ป่วยสำหรับเขตภาคเหนือ และผู้ป่วยอายุเฉลี่ย 40 ปี 

ทั้งนี้แนวโน้มการเพิ่มของผู้ป่วยของไทย ยังเป็นเส้นตรง เพิ่มขึ้น 100 รายต่อวัน แต่ในช่วง 2 วันนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ป่วยในกรุงเทพกลับมาเพิ่มขึ้น และผู้ป่วยที่กลับมาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 21 ราย เพราะเราไม่ได้ปิดประเทศ ขณะที่สถานบันเทิง ก็กลับมาพบผู้ป่วยใหม่ ขณะที่สนามมวย ยังพบผู้ป่วยต่อเนื่อง นอกจากนี้ไทยยังพบผู้ป่วยหนักในสัดส่วนที่มากขึ้น

report03

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายนั้น อายุไม่มาก ไม่มีโรคประจำตัว กระทรวงสาธารณสุขกำลังดูในรายละเอียด เป็นเพราะมารพ.ช้าเกินไปหรือไม่ และอาจมาจากไม่ได้บอกประวัติไปสนามมวย หรือสถานบันเทิง จริงๆขอย้ำให้บอกประวัติ จะถูกวินิจฉัยโรคได้เร็ว และได้รับการรักษาที่เหมาะสม ไม่ไปแพร่คนอื่น อย่างไรก็ตามอีกปัจจัยของการเสียชีวิต อาจมาจากร่างกายของแต่ละคนมีภาวะที่แตกต่างกัน บางคนระบบภูมิจัดการไม่ดี ก็จะป่วยมากกว่า และรุนแรงกว่า เชื้อโรคจะไปที่ปอดอย่างรวดเร็ว ทำลายอวัยวะอื่น ทำให้เสียชีวิต

ด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระบุว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นเป็นข้าราชการของกระทวงสาธารณสุขจริง ประสานงานทำเนียบรัฐบาล เป็นชายไทยอายุ 46 ปี มีประวัติร่ามประชุมหลายแห่ง ทีมสอบสวนโรคกำลังเข้าไปตรวจสอบดูแล มีผู้สัมผัสใกลัชิด 30 คน แต่อยู่ในวงจำกัด โดยผู้สัมผัสใกล้ชิดส่วนใหญ่เป็นข้าราชการของกระทรวงสาธารสุข ไม่มีผู้บริหาร ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงใยทุกคน ให้ดูลสุขภาพตัวเองให้ดีที่สุด พร้อมขอความร่วมมือคนไทยเว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงเดินทางไปที่แออัดให้ได้ 80% ขึ้นไป 

นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข ขอบคุณเสียงปรบมือของประชาชน และขอให้เสียงนี้ กลับไปหาประชาชน หากช่วยกันรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไป เสียงปรับเมือ จะเป็นเสียบปรบมือที่ให้กับประชาชนทุกคน

และกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่า กระทรวงไม่มีการปิดกั้น ไม่ให้มีการรับบริจาค หรือสั่งห้าม การรับบริจาค เพราะมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติ เป็นการแสดงน้ำใจที่มีต่อกัน จะทำให้เราผ่านพ้นวิกฤติไปได้ ถือเป็นเรื่องดีงาม ไม่ว่าจะเป็นการนำขนมมามอบ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ทางกระทรวงสาธารณสุขยินดีมาก และซึ่งน้ำใจมากๆ ทำให้เกิดภาพความสามัคคี เป็นแรงผลักดันให้คนไทยผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ขอย้ำว่าสิ่งสำคัญที่เราจะช่วยกันอีกเรื่องคือ ต้องช่วยกันเว้นระยะห่าง อยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติ

UpDate02 0

Avatar photo