ด่วน! นักวิจัยค้นพบ ‘แอนติบอดี SC27’ ความหวังใหม่รับมือ “โควิด 19” ทุกสายพันธุ์ กลายพันธุ์แค่ไหนก็จับได้
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เรื่องการค้นพบ แอนติบอดี ที่จะต่อสู้กับ โควิด 19 และ โคโรนาไวรัสทุกสายพันธุ์ โดยระบุว่า
“ความหวังใหม่ในการรับมือโคโรนาไวรัส: การค้นพบแอนติบอดี SC27”
ในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ เกิดการค้นพบที่น่าตื่นเต้น เมื่อโมโนโคลนอลแอนติบอดีชื่อ SC27 แสดงศักยภาพอันน่าทึ่งในการต่อกรกับไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จัก รวมถึงไวรัสโคโรนาชนิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นวัตกรรมนี้เป็นผลงานของทีมวิจัยนำโดยศาสตราจารย์ Greg Ippolito แห่งสถาบันวิจัยทางชีวการแพทย์เท็กซัส โดยรายละเอียดของการค้นพบนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Cell Reports Medicine เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567
จดจำและจับกับเป้าหมายได้อย่างแม่นยำสูง
โมโนโคลนอลแอนติบอดี เป็นโปรตีนที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นในห้องทดลอง ด้วยกระบวนการโคลนเซลล์เม็ดเลือดขาวพิเศษ ที่สามารถผลิตแอนติบอดีที่มีความจำเพาะสูงต่อเชื้อโรคหรือสารก่อภูมิแพ้เป้าหมาย ความพิเศษของแอนติบอดีเหล่านี้คือ ความสามารถในการจดจำและจับกับเป้าหมายได้อย่างแม่นยำสูง เนื่องจากทั้งหมดถูกผลิตจากเซลล์ต้นกำเนิดเดียวกัน
SC27 มีกลไกการทำงานที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ โดยมุ่งเป้าไปที่หลายส่วนของโปรตีนหนามบนไวรัส ทำให้โอกาสที่ไวรัสจะหลบเลี่ยงด้วยการกลายพันธุ์นั้นลดน้อยลงอย่างมาก
การทำงานของ SC27 แบ่งเป็นสองกลไกหลัก
- การปิดกั้นบริเวณที่ไวรัสใช้จับกับ ACE2 ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ไวรัสเกาะติดและเข้าสู่เซลล์
- ACE2 (Angiotensin-Converting Enzyme 2) เป็นโปรตีนที่พบได้บนผิวเซลล์ของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปอด หัวใจ และไต ACE2 ทำหน้าที่เสมือนประตูให้ไวรัส SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 เข้าสู่เซลล์
- โดยโปรตีนหนามของไวรัสจะเข้าจับกับ ACE2 เพื่อแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ การที่ SC27 สามารถปิดกั้นจุดนี้ได้ จึงเท่ากับเป็นการสกัดกั้นการบุกรุกของไวรัสอย่างมีประสิทธิภาพ
- การจับกับบริเวณ “ลับ” ที่ถูกอนุรักษ์ไว้ใต้โปรตีนหนาม ส่วนที่ซ่อนอยู่นี้แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในไวรัสต่างสายพันธุ์ ทำให้ SC27 สามารถรับมือกับไวรัสได้หลากหลายสายพันธุ์
ประสิทธิผลอันกว้างขวาง
การวิจัยได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอันน่าประทับใจของ SC27 ในการต่อต้านไวรัสหลากหลายชนิด ได้แก่
- SARS-CoV-2 สายพันธุ์ดั้งเดิม
- สายพันธุ์ที่กำลังระบาดในปัจจุบัน รวมถึงสายพันธุ์ย่อยโอมิครอนรุ่นแรกทั้งหมดของปี 2565 (BA.1, BA.2, BA.2.12.1, BA.2.75, BA.5, XBB.1, และ BQ.1.1) และสายพันธุ์โอมิครอนล่าสุดในปี 2566 (XBB.1.5 และ BA.2.86)
- SARS-CoV 2003
- ไวรัสโคโรนาที่พบในสัตว์ตระกูลลิ่นและค้างคาว
SC27 แสดงพลังในการต่อต้านไวรัสอย่างน่าทึ่ง โดยสามารถยับยั้ง SARS-CoV 2003 ที่ความเข้มข้นเพียง 14 ng/mL และมีประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัสโคโรนาในสัตว์ตระกูลลิ่นและค้างคาวที่ความเข้มข้นในช่วง 5–20 ng/mL
หน่วย ng/mL (นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร) เป็นหน่วยวัดความเข้มข้นที่ใช้ในทางการแพทย์และชีววิทยา โดย
- ng คือ นาโนกรัม ซึ่งเท่ากับหนึ่งในพันล้านส่วนของกรัม (10^-9 กรัม)
- mL คือ มิลลิลิตร ซึ่งเท่ากับหนึ่งในพันส่วนของลิตร
ดังนั้น 14 ng/mL หมายถึง แอนติบอดี SC27 สามารถยับยั้งไวรัส SARS-CoV 2003 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ใช้ในปริมาณเพียง 14 นาโนกรัมต่อน้ำยา 1 มิลลิลิตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่น้อยมาก แสดงถึงประสิทธิภาพสูงของ SC27
ข้อมูลเชิงลึกทางโครงสร้าง
การศึกษาด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบไครโอ เผยให้เห็นว่า SC27 เข้าจับกับ “ด้านใน” ของ RBD ในลักษณะ “ยกขึ้น” โดย SC27 ได้ใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะของสองบริเวณบน RBD
RBD (Receptor-Binding Domain) คือส่วนของโปรตีนหนามบนไวรัสที่ทำหน้าที่จับกับตัวรับ ACE2 บนเซลล์มนุษย์ RBD จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาแอนติบอดีและวัคซีน เพราะการที่แอนติบอดีเข้าจับกับ RBD จะสามารถป้องกันไวรัสจากการเข้าสู่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสองบริเวณบน RBD ที่แอนติบอดีเข้าจับคือ
- บริเวณ RBS (Receptor-Binding Site) ของไวรัสที่ใช้จับกับตัวรับบนผิวเซลล์ ACE2
- บริเวณซ่อนเร้นบนส่วนหนามที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี ทำให้แอนติบอดีมีความสามารถเข้าจับกับส่วนหนามของไวรัสได้หลากหลายสายพันธุ์
การประยุกต์ใช้ในอนาคต
ขณะนี้ นักวิจัยกำลังแสวงหาความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนา SC27 ต่อยอด โดยมุ่งเน้นไปที่:
– การรักษาผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งไม่สามารถรับวัคซีนได้
– การใช้เป็นการรักษาฉุกเฉินในกรณีที่เกิดการระบาดของสายพันธุ์ใหม่หรือไวรัสโคโรนาชนิดอื่นในอนาคต
ขั้นตอนต่อไปในการพัฒนา SC27 จะรวมถึงการทดลองก่อนทางคลินิกในสัตว์ทดลองขนาดใหญ่ อาทิ ลิงที่ไม่ใช่มนุษย์ ก่อนที่จะก้าวไปสู่การทดลองทางคลินิกในมนุษย์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วิวัฒนาการของ โอไมครอน ทำไม ‘สายพันธุ์ XEC’ และ ‘KP.3.1.1’ จึงเป็นที่สนใจของผู้เชี่ยวชาญ?
- ‘วัคซีนโควิดรุ่นใหม่’ มีอะไรน่าสนใจ? ทำไมอย.สหรัฐ จึงแนะนำให้ใช้ ปี 2567-2568
- ‘อย.สหรัฐ’ ไฟเขียวใช้ ‘วัคซีนโควิด-19 รุ่นใหม่’ ของไฟเซอร์-โมเดอร์นา หลังยอดติดเชื้อพุ่ง
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx