COVID-19

ระวัง!! โอไมครอน KP.3 อาจแซงหน้า JN.1-FLiRT ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักในไทย

ศูนย์จีโนมฯ เฝ้าระวังโอไมครอน KP.3 หวั่นเบียดขึ้นเป็นสายพันธุ์หลักในไทย เหตุเติบโตและแพร่เชื้อได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นถึง 80% พบแล้ว 833 ราย ทั่วโลก

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics  เรื่อง เฝ้าระวัง โอไมครอน KP.3 อาจแซงหน้า JN.1 และ FLiRT กลายเป็นสายพันธุ์หลักในไทย โดยระบุว่า

สายพันธุ์หลัก

ล่าสุดจากข้อมูลรหัสพันธุกรรมและแชร์บนฐานข้อมูลโควิดโลกจีเสส (GISAID) พบในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตระกูลโอไมครอนหลากหลายสายพันธุ์ย่อย ได้แก่ KP.1.1 จำนวน 1 ราย, KP.2 จำนวน 9 ราย, KP.2.2 จำนวน 1 ราย และ KP.4.1 จำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ในกลุ่ม เฟลิร์ท  (FLiRT) ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากศักยภาพในการแพร่กระจายและหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน KP.3 ซึ่งไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเฟลิร์ท จำนวน 8 ราย โดยที่โอไมครอน KP.3 มีความได้เปรียบในการเติบโตและแพร่เชื้อมากกว่าโอไมครอนที่ระบาดทั่วโลกประมาณ 80% หรือ 1.8 เท่า

โอไมครอน1

นอกจากนี้ ยังพบผู้ติดโอไมครอน KP.3 ทั่วโลกแล้วถึง 833 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่ามันอาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลกและในประเทศไทย เข้าแทนที่โอไมครอน JN.1 และโอไมครอนกลุ่ม FLiRT ได้ในที่สุด

ด้วยการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโอไมครอน KP.3 ผู้เชี่ยวชาญจึงกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมันอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ

ทางหน่วยงานสาธารณสุขจึงกำลังดำเนินมาตรการเชิงรุก เช่น การเพิ่มการเฝ้าระวัง การสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิด-19 สวอปจากผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ และมาตรการด้านสาธารณสุขต่าง ๆ เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อ

โอไมครอน 2

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคงแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย รักษาสุขอนามัยที่ดี และประชาชนกลุ่มเปราะบางควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่องตามเวลาที่กำหนด

พร้อมทั้งแนะนำให้กลุ่มเปราะบางไปพบแพทย์หากมีอาการของโรคโควิด-19 เพื่อรักษาด้วยยาต้านไวรัสหรือแอนติบอดีสำเร็จรูปที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ต่อไป

เมื่อไวรัสโคโรนายังคงมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นที่ทุกประเทศจะต้องเฝ้าระวังและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม โดยอาศัยความร่วมมือในระดับโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแชร์ข้อมูลการวิจัย การสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในทุกประเทศแบบเรียลไทม์ และการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo