“หมอเฉลิมชัย” สรุปสถานการณ์โควิดไทย ดีขึ้น 92-99% เมื่อพิจารณาจากผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนัก ผู้เสียชีวิต อัตราการฉีดวัคซีน ฟันธงมีโอกาสเป็นโรคประจำฤดูกาล
นพ..เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย เรื่อง โควิดไทยดีขึ้นมา ในระดับ 92-99% แล้ว โดยระบุว่า
มีคำถามของสังคมไทยกันค่อนข้างมากในช่วงนี้ว่า สถานการณ์โควิดไทยตอนนี้ เป็นอย่างไรบ้าง ? เป็นช่วงขาลงที่ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ สถานการณ์ดีขึ้นมากขนาดไหน ?
เราคงจะมาพยายามช่วยกันตอบคำถามนี้ โดยใช้สถิติตัวเลขที่สำคัญที่มีการรายงานอย่างเป็นทางการ นำมาประกอบการวิเคราะห์ ดังนี้
1. ไม่มีรายงานสถิติโรคโควิดของประเทศใด ที่จะสามารถมีความแม่นยำถูกต้องสมบูรณ์ได้ 100%
2. โควิดของไทยในปัจจุบัน ต้องถือว่าเป็นระลอกโอไมครอน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่มกราคม 2565
3. สถานการณ์โควิดในระลอกนี้ ขึ้นจุดสูงสุดหรือที่เรียกว่าพีค (Peak) ประมาณเดือนเมษายน 2565
4. สถิติ 4 ตัว ที่จะนำมาใช้เปรียบเทียบสถานการณ์โควิดในช่วงเวลาต่างๆนั้น ประกอบด้วย
4.1 ผู้ติดเชื้อตรวจแบบ PCR
4.2 ผู้ป่วยหนักที่มีอาการปอดอักเสบ
4.3 ผู้ป่วยหนักมากที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
4.4 ผู้เสียชีวิต
5. เมื่อเปรียบเทียบสถิติทั้ง 4 ตัวระหว่างช่วงพีค ในช่วงวันที่ 20-25 เมษายน 2565 กับตัวเลขสัปดาห์ล่าสุดในช่วง 5-11 กุมภาพันธ์ 2566 พบดังนี้
5.1 ผู้ติดเชื้อแบบ PCR ลดลง 99.70% จากสัปดาห์ละ 133,915 คน เหลือ 392 คน
5.2 ผู้ป่วยหนักมีปอดอักเสบ ลดลง 95.07% จากครองเตียง 13,926 เตียง เหลือ 98 เตียง
5.3 ผู้ป่วยหนักมากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ลดลง 92.73% จาก 5453 เตียง เหลือ 66 เตียง
5.4 ผู้เสียชีวิต ลดลง 98.65% จากสัปดาห์ละ 893 ราย เหลือ 12 ราย
โดยที่ถ้าได้ปรับเกณฑ์การวินิจฉัยผู้เสียชีวิต คัดมาเฉพาะผู้เสียชีวิตจากโควิดโดยตรง ก็ยังลดลงมากถึง 97.63% คือลดลงจาก 508 รายในช่วง 1-7 พฤษภาคม 2565 เหลือ 12 ราย
6. จึงสามารถสรุปได้ว่า สถานการณ์โควิดของไทยในขณะนี้ อยู่ในช่วงขาลงชัดเจน จากสถิติดังกล่าวข้างต้น
7. มีการเพิ่มขึ้นของการฉีดวัคซีนที่ไม่มากนัก โดยเมื่อเปรียบเทียบกับสองช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น
วัคซีนรวม ฉีดเพิ่มจาก 132 ล้านโดส เป็น 144 ล้านโดส
เข็มที่หนึ่ง จาก 56 ล้านโดส เป็น 57 ล้านโดส
เข็มที่สอง จาก 51 ล้านโดส เป็น 53 ล้านโดส
เข็มที่สามจาก 25 ล้านโดส เป็น 33 ล้านโดส
8. จึงคาดได้ว่า สถานการณ์ที่ดีขึ้นของไทยซึ่งเป็นไปทำนองเดียวกับทั่วโลก น่าจะเกิดจากเหตุปัจจัยคือ
8.1 โอไมครอนมีการติดเชื้อที่ง่ายมาก จึงทำให้มีผู้ติดเชื้อตามธรรมชาติเป็นจำนวนมาก เกิดภูมิคุ้มกันได้ดีในระดับหนึ่ง
8.2 โอไมครอนมีความรุนแรงน้อย ติดเชื้อแล้วไม่ค่อยเสียชีวิต จึงทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยหนักลดลง
8.3 วัคซีนที่มีการฉีดเพิ่มขึ้นบ้าง ก็อาจจะมีส่วนช่วยด้วย
จึงสามารถสรุปโดยรวมว่า
โควิด-19 ของไทย ดีขึ้นในระดับ 92 -99% เป็นช่วงขาลงต่อเนื่องกันมาตั้งแต่หลังเดือนเมษายน 2565
แม้จะมีการเปิดประเทศในช่วง 1 ตุลาคม 2565 และเปิดรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากจีนตั้งแต่มกราคม 2566 เป็นต้นมา สถานการณ์ก็ยังค่อนข้างดี
โควิดมีโอกาสจะกลายเป็นโรคประจำฤดูกาล ที่ยังไม่สามารถจะยุติได้ตามธรรมชาติของไวรัส อาจจะต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้น อีกปีละหนึ่งครั้ง ในทำนองเดียวกับไข้หวัดใหญ่ต่อไป
แต่เราน่าจะสามารถใช้ชีวิต ทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว การสาธารณสุข ได้ใกล้เคียงกับปกติมากยิ่งขึ้น
โดยที่มีปัจจัยเสี่ยง แม้โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีไม่ค่อยมากนักคือ การกลายพันธุ์ของไวรัส ที่อาจทำให้สถานการณ์ของโควิดเปลี่ยนแปลงไปได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอเฉลิมชัย’ เตือนถึงกำหนด-กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนเลย ไม่ต้องรอวัคซีนโควิด 2 สายพันธุ์ รุ่นใหม่
- ‘หมอเฉลิมชัย’ ตั้งคำถาม ถึงเวลาพิจารณา ‘วัคซีนเชื้อตาย’ เป็น ‘วัคซีนเข็มกระตุ้น’ หรือยัง?
- ‘หมอเฉลิมชัย’ เตือนเดินทางโดยเครื่องบิน ระมัดระวังป้องกันโควิด ทำตามนี้
