หมอยง ชี้ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ไม่น่ากลัวกว่าชาติอื่น เพราะ ‘โควิด’ แฝงมากับนักท่องเที่ยวทุกชาติ
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan เรื่อง โควิด 19 การรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ชาวจีน ไม่ได้น่ากลัวกว่าชาติอื่น
การรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวจีน ไม่ได้น่ากลัวไปกว่า ยุโรปและอเมริกา ด้วยเหตุผลดังนี้
1.สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยขณะนี้เป็น โอไมครอน BA.2.75 ในระยะ 1 ปีที่ผ่านมาในช่วงโอไมครอน ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วประมาณ 70% หรือประมาณ 50 ล้านคน และการระบาดสายพันธุ์ในประเทศไทยเริ่มต้นตั้งแต่ BA.1 BA.2 แล้วเป็น BA.4- BA.5 ซึ่งสายพันธุ์ BA.5 ได้ระบาดผ่านพ้นไปแล้วและขณะนี้เป็น BA.2.75
โควิดจีนอยู่ในกลุ่ม BA.5 ซึ่งไทยเคยผ่านและมีภูมิต้านทานแล้ว
ขณะเดียวกันในยุโรปและอเมริกา สายพันธุ์ต่างๆเกิดก่อนประเทศไทย และระบาดเข้าสู่ประเทศไทย สายพันธุ์ BA.2.75 ระบาดในยุโรปและอเมริกาเมื่อหลายเดือนก่อน ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้ในยุโรปและอเมริกา ได้เปลี่ยนเป็น เป็น BQ1และ BQ1.1
แต่ขณะเดียวกันในจีนขณะนี้ยังเป็นสายพันธุ์ในกลุ่ม BA.5 ตามหลังประเทศไทย ถ้านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาสู่ประเทศไทยนำเชื้อโควิด 19 เข้ามา จะเป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดผ่านไปแล้วในประเทศไทย ตรงกันข้ามกับยุโรปและอเมริกา จะเป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยระบาดในประเทศไทย
เรื่องของสายพันธุ์ในปัจจุบันนี้ ถ้ามาจากประเทศจีน จึงไม่น่าวิตกแต่อย่างใด เพราะของเราผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าจะกลัวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ สายพันธุ์ที่ยังไม่มีในประเทศไทยโดยเฉพาะ BQ ที่จะมาจาก ประเทศทางตะวันตกยังน่ากลัวกว่า เราก็ไม่ได้ตรวจ และไม่สามารถบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยได้ด้วย
โควิดแฝงมากับนักท่องเที่ยวทุกชาติ
2 การเกิดสายพันธุ์ใหม่ สามารถเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ทุกแห่งในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน หรือทางตะวันตก แม้กระทั่งในอินเดีย แอฟริกา ก็เกิดได้ทั้งนั้น แต่ทั่วโลกขณะนี้ มีระบบการเฝ้าระวังด้วยการถอดรหัสพันธุกรรม เข้าธนาคารกลาง และทุกประเทศได้เรียนรู้ร่วมกัน ทำไมเราจึงต้องถอดรหัสพันธุกรรมอยู่ทุกวัน ห้องปฏิบัติการผมก็ทำอยู่ทุกวันเป็นการเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่
เมื่อยังไม่รู้ว่าสายพันธุ์ใหม่ จะเกิดที่ประเทศใด ก็ไม่รู้จะไปป้องกันปิดกั้นชาติใด เพราะการป้องกันประเทศจีน ประเทศเดียวไม่ใช่เป็นวิธีการแก้ปัญหา อาจจะมาจากประเทศใดก็ได้
3.ที่ศูนย์ผมทำการศึกษา ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์หรือประมาณ 50 ล้านคน แต่ถ้าตรวจภูมิต้านทานต่อเปลือกนอกไวรัส จะพบว่า 96% ของประชากรไทย มีภูมิต้านทานรับรู้แล้ว เกิดจากการฉีดวัคซีน และ/หรือการติดเชื้อ ร่วมด้วย ถ้าใครไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก ธรรมชาติก็ฉีดให้ ด้วยการติดเชื้อไปแล้ว ในเด็กติดเชื้อแบบไม่มีอาการจะพบได้ถึง 1 ใน 3
ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปีนี้ เป็นภูมิต้านทานที่เกิดจากสายพันธุ์ โอไมครอน ดีกว่าวัคซีนทุกชนิด เพราะตรงกับสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้
โควิดไทยอยู่ในช่วงขาลงตามฤดูกาล
4 การระบาดของประเทศไทยกำลังอยู่ในขาลงตามฤดูกาล เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน จะพบโรคนี้รวมทั้งโรคทางเดินหายใจน้อยมาก หรือโรค covid-19 จะสงบลง และจะไประบาดเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน ตามฤดูกาลอีกครั้งหนึ่งเป็นวงจรต่อไป
5 การให้วัคซีนต่อไปในอนาคต ก็คงจะเน้นเป็นวัคซีนประจำปี โดยเฉพาะจะให้ก่อนที่มีการระบาดในฤดูฝนเช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่มีการรณรงค์ให้ในกลุ่มเสี่ยงสูง เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและป่วยรุนแรง ผู้ที่มีภูมิเป็นบางส่วน หรือเคยติดเชื้อมาแล้ว เมื่อติดเชื้อซ้ำความรุนแรงของโรคก็จะลดลง
ทุกอย่างจะเข้าสู่วงจรปกติที่เป็นโรคตามฤดูกาล ชีวิตต้องเดินหน้า ด้วยระเบียบวินัย และการปฏิบัติตน ในการดูแลสุขอนามัยให้แข็งแรง และป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดร.อนันต์ เผยผลวิจัย พื้นที่ไหน ไข้หวัดใหญ่ หรือ RSV ระบาด พื้นที่นั้น ‘โควิด’ ลดลง
- WHO ติดตาม ‘XBB.1.5’ เสี่ยงต่อการระบาดทั่วโลก ส่วน ‘BA.5.2 และ BF.7’ คือสายพันธุ์หลักที่ระบาดในจีน
- ดร.อนันต์ เฉลย ระหว่าง ‘XBB. 1.5’ กับ ‘BA.2.75’ ที่กำลังระบาดในไทย สายพันธุ์ไหนน่ากลัวกว่ากัน?