“หมอธีระ” เปิด 5 อันดับแรกประเทศที่ยอดติดโควิดพุ่งสูงสุดในโลก “ญี่ปุ่น” สูงสุด ย้ำ!! ติดโควิดควรกักตัวอย่างน้อย 7-10 วัน และตรวจซ้ำจนได้ผลลบ
นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 304,015 คน ตายเพิ่ม 996 คน รวมแล้วติดไป 665,840,813 คน เสียชีวิตรวม 6,700,567 คน 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล ไต้หวัน และฝรั่งเศส
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็น 84.69% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 69.67%
…อัพเดตท่าทีสหภาพยุโรปในการรับมือท่องเที่ยวจีน
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ Kyriakides S ซึ่งเป็น European Commissioner for Health and Food Safety ได้รายงานว่าจากการประชุมเมื่อวาน ได้มีหลายแนวทางที่จะพิจารณาดำเนินการ ได้แก่ การตรวจคัดกรองโรคก่อนเดินทางสำหรับคนที่เดินทางจากจีน การตรวจน้ำเสียเพื่อตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส และการเพิ่มการเฝ้าระวังโรคภายในประเทศ
ทั้งนี้มาตรการต่างๆ ข้างต้นจะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม integrated political crisis response (IPCR) mechanism ในวันนี้เพื่อหาข้อสรุปที่กลุ่มประเทศยุโรปจะดำเนินการร่วมกัน

…อัตราการทวีคูณของ XBB.1.5 สูงกว่าทุกสายพันธุ์ที่มีตอนนี้
Gerstung M จากมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ประเทศเยอรมัน ได้เปรียบเทียบให้เห็นว่า Omicron สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ที่ทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสระบาดไปทั่วในเวลาอันใกล้นี้ เพราะจากข้อมูลทุกทวีปแสดงให้เห็นอัตราการขยายตัวของการระบาดเป็นทวีคูณ (doubling time) ที่สูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีอยู่ โดยใช้เวลาเพียง 1-2 สัปดาห์
…วัคซีน ป้องกันทั้งตัวเรา และคนรอบข้าง
Tan ST และคณะ จาก UCSF ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการศึกษาในวารสารการแพทย์ระดับสากล Nature Medicine เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2566
โดยทำการศึกษาในกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ในคุกของรัฐแคลิฟอร์เนีย 35 แห่ง ตั้งแต่ธันวาคม 2564 ถึงพฤษภาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ Omicron ระบาด ทั้งนี้ประชากรที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศชาย
สาระสำคัญที่พบคือ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ราว 36% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 31%-42%)
ในขณะที่ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน หากติดเชื้อ จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยมีโอกาสราว 28% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 25%-31%)
หากวิเคราะห์เปรียบเทียบแล้ว พบว่า การฉีดวัคซีนจะช่วยลดโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ 22% นอกจากนี้คนที่เคยฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาแล้ว จะลดโอกาสแพร่ให้คนอื่นราว 40%
ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เราเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน นอกจากเกิดประโยชน์ต่อตัวเองเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดเสี่ยงป่วยรุนแรง เสียชีวิต และ Long COVID แล้ว ยังเกิดประโยชน์ต่อคนใกล้ชิด ลดความเสี่ยงที่เราจะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นด้วย
การใช้ชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible living) ทั้งต่อตัวเราเอง คนในครอบครัว และสังคม จะช่วยให้เราทุกคนสามารถประคับประคองตัวผ่านสถานการณ์ระบาดไปได้
ทำงาน เรียน เดินทางท่องเที่ยว ควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ป้องกันตัวเสมอ เลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง สถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี รวมถึงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น ไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามกำหนด
ไม่สบาย ควรรีบตรวจ หากติดเชื้อควรแยกตัวจากคนอื่นอย่างน้อย 7-10 วัน จนอาการดีขึ้นและตรวจซ้ำได้ผลลบ สำคัญที่สุดคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดซ้ำ ย่อมดีที่สุด
อ้างอิง : Tan ST et al. Infectiousness of SARS-CoV-2 breakthrough infections and reinfections during the Omicron wave. Nature Medicine. 2 January 2023.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระ’ ตอบชัด! ทำไม ‘โอไมครอน’ ถึงระบาดหนักทั่วโลก?
- ‘หมอธีระ’ ย้ำ! ‘โควิด’ ไม่กระจอก ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่ใช่หวัดใหญ่
- ‘หมอธีระ’ ห่วงคลัตเตอร์คอนเสิร์ตใหญ่ ย้ำ! โควิดระบาดหนัก คุมยาก!