COVID-19

ศูนย์จีโนมฯ เปิด ‘สูตรฉีดวัคซีน’ สร้างภูมิป้องกัน BQ.1.1 – XBB ที่คาดว่าจะระบาดในปี 66

ศูนย์จีโนมฯ เผยผลวิจัย ‘สูตรฉีดวัคซีน’ สร้างภูมิป้องกัน BQ.1.1 – XBB ที่คาดว่าจะระบาดในปี 66

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ระบุผลการวิจัยการฉีดวัคซีนและติดเชื้อ ที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันแบบผสม ที่จะป้องกัน BQ.1.1 หรือ XBB ที่คาดว่าจมีการระบาดในปี 2566 ได้ ดังนี้

ข่าวดี! งานวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยมอนทรีออล แคนาดาแสดงให้เห็นว่าภูมิคุ้มกันแบบผสม (hybrid immunity) อันเกิดจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น “เอ็มอาร์เอ็นเอ” เข็มที่ 4  ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส 3 เข็มตามด้วยการติดเชื้อตามธรรมชาติ (breakthrough SARS-CoV-2 infection) จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งต่อต้านการติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่  BQ.1.1 ได้ดีขึ้น

สูตรฉีดวัคซีน

นับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 สายตระกูลโอไมครอนเมื่อปลายปี 2564 พบว่าโอไมครอนได้มีการวิวัฒนาการกลายพันธุ์เกิดเป็นสายพันธุ์ย่อยมากมายที่ดื้อต่อยาฉีดต้านไวรัสประเภทสร้างภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (โมโนโคลนอลแอนติบอดี) และดื้อต่อวัคซีนไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย วัคซีนที่อาศัยไวรัสเป็นพาหะ หรือวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA COVID-19 vaccine)

ศาสตราจารย์อันเดรส ฟินซี (Andres FINZI) ภาควิชาจุลชีววิทยา โรคติดเชื้อและวิทยาภูมิคุ้มกัน และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยมอนทรีออล ประเทศแคนาดาได้นำเสนอผลงานวิจัย แสดงให้เห็นว่า

กลุ่มผู้ที่รับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA COVID-19 vaccine) ของไฟเซอร์ (Pfizer) หรือโมเดอร์นา (Moderna) ครบโดส 3 เข็ม จะมีภูมิคุ้มกันที่ด้อยประสิทธิภาพในการเข้าจับและทำลายโอไมครอน โดยเฉพาะโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับการเข้าจับและทำลายโควิด 19 สายพันธุ์ดั้งเดิม เช่น ไวรัสอู่ฮั่น อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา

สูตรฉีดวัคซีน

สูตรฉีดวัคซีน กระตุ้นภูมิได้ดี

อย่างไรก็ดีพบว่าในกลุ่มที่เคยรับวัคซีนโควิด 19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอครบโดส และต่อมามีการติดเชื้อตามธรรมชาติ (breakthrough SARS-CoV-2 infection, BTI) เมื่อได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 4 ไม่ว่าจะเป็น

  1. วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอของไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา รุ่นแรก ซึ่งใช้หัวเชื้อเป็นโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม, ไวรัสอู่ฮั่น (Monovalent Vaccine Booster Shot) หรือ
  2. วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอของไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา รุ่นที่สอง (bivalent Vaccine Booster Shot) โดยหัวเชื้อที่ใช้เป็นโควิดสองสายพันธุ์ คือสายพันธุ์ดั้งเดิม, ไวรัสอู่ฮั่น และ โอไมครอน BA.4/BA.5 (ไฟเซอร์) หรือ โอไมครอน BA.1 (โมเดอร์นา)

จะสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ เช่น BQ.1.1 ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 4 เข็มในลักษณะที่กล่าวข้างต้นแต่ไม่เคยติดเชื้อตามธรรมชาติ

โดยประเมินว่าด้วยการฉีดวัคซีนในลักษณะนี้ สามารถป้องกันโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่อุบัติใหม่สายพันธุ์อื่น  อาทิ XBB ได้ด้วยเช่นกัน

สูตรฉีดวัคซีน

อีกทางเลือกสู้โควิด

วัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นที่สอง แม้จะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่ที่ไม่ครอบคลุม (Narrow-Spectrum Anti-coronavirus Vaccines) แต่ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในช่วงที่การพัฒนาวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อที่ครอบคลุมสายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์ใหม่ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคต (Broad-Spectrum Anti-coronavirus Vaccines) ยังไม่แล้วเสร็จ

สรุปว่าสำหรับหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยที่แม้ประชาชนส่วนใหญ่ได้วัคซีนจนครบโดส 3 เข็ม แต่กลับพบว่าประชาชนจำนวนมากได้ทยอยติดเชื้อตามธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งหากคนกลุ่มนี้ในอนาคตอีก 4-6 เดือนข้างหน้า ได้รับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอโดยเฉพาะวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอรุ่นที่สอง (bivalent Vaccine Booster Shot) อาจทำให้มีภูมิคุ้มกันต่อโอไมครอนสายตระกูล BQ.1.1 หรือ XBB ที่คาดว่าจะมีการระบาดใหญ่ในปีหน้า 2566 ได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง

สูตรฉีดวัคซีน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo