COVID-19

ข่าวดี!! วัคซีนโควิดของคนไทย เร่งพัฒนาวัคซีนรุ่น 3 สู้โควิดกลายพันธุ์ทุกสายพันธุ์

ข่าวดีล่าสุด!! วัคซีนโควิดฝีมือคนไทยรุ่นใหม่ กำลังเร่งพัฒนาวัคซีนรุ่น 3 รับมือการกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาทุกสายพันธุ์

นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย เรื่อง ความคืบหน้าการผลิตวัคซืนรุ่น 3 ของไทย เพื่อรับมือไวรัสโควิดกลายพันธุ์ได้ทุกสายพันธุ์ โดยระบุว่า

วัคซีนรุ่น 3

จากสถานการณ์การกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิด ซึ่งในปัจจุบันมีไวรัสโอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักมานานครบปี เปิดโอกาสให้การวิจัยวัคซีน พอจะมีเวลาที่พัฒนารุ่นใหม่ขึ้นมารับมือได้ทันนั้น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ไวรัสโอไมครอนจะยืนเป็นสายพันธุ์หลัก แต่ก็มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อยไปมากมาย มากกว่า 500 สายพันธุ์ย่อยแล้ว

ทำให้วัคซีนรุ่นที่สอง (Second Generation) หรือชนิดสองสายพันธุ์ ไม่สามารถจะพัฒนาขึ้นมารับมือกับโควิดได้ทันท่วงที

เช่นที่ได้มีการพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 เสร็จสิ้นแล้วในสหรัฐอเมริกา ของ Pfizer และ Moderna

กล่าวคือ วัคซีนชนิดสองสายพันธุ์ดังกล่าว ประกอบด้วย ไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่นและโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5

LINE ALBUM รวมหมอโควิด ๒๒๐๖๐๑

แต่ตอนนี้สายพันธุ์หลักในสหรัฐ กลายเป็น BQ.1 แล้วและวัคซีนสองสายพันธุ์ดังกล่าว ถ้านำมาใช้ในประเทศไทย สายพันธุ์หลักของเราก็เปลี่ยนจาก BA.5 มาเป็น BA.2.75 แล้วเช่นกัน

จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ประสิทธิผลของวัคซีน (VE : Vaccine Effectiveness) รุ่นที่สอง ได้ผลดีมากกว่ารุ่นที่หนึ่ง หรือรุ่นเดิมชนิดหนึ่งสายพันธุ์ไม่มากนัก

ในขณะนี้ ได้มีทีมวิจัยในการพัฒนาวัคซีนโควิดของไทยอย่างน้อย 4 ทีมด้วยกันที่กำลังเร่งศึกษาวิจัย

หนึ่งในนั้นคือ ทีมวิจัยของใบยาไฟโตฟาร์ม ซึ่งมีคณาจารย์ของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นนักวิจัยหลัก ได้ทำการศึกษาวิจัย โดยการพัฒนาวัคซีนเทคโนโลยีโปรตีนเป็นฐาน ที่ใช้ใบยาสูบเป็นตัวขยายปริมาณของวัคซีน

จากการพูดคุยกับนักวิจัยโดยตรงพบว่า นักวิจัยกำลังแก้ปัญหา เรื่องวัคซีนมีประสิทธิผลในการป้องกันได้ลดลง เนื่องจากปัญหาไวรัสกลายพันธุ์

โดยกำลังพัฒนาวัคซีนที่จะรับมือไวรัสโคโรนาได้ทุกสายพันธุ์ โดยผู้เขียนจะเรียงลำดับความเป็นมาของการวิจัยวัคซีนของทีมใบยาไฟโตฟาร์มดังนี้

1 7

1. วัคซีนรุ่นที่หนึ่ง หรือเจนเนอเรชั่นที่หนึ่ง เวอร์ชั่น 1.1 ชนิดหนึ่งสายพันธุ์ พัฒนาโดยใช้สายพันธุ์ไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น และใช้ตัวกระตุ้นแบบเดิม(Adjuvant) ได้ทดลองหาขนาดที่เหมาะสมพบว่า 25 หรือ 50 ไมโครกรัมจะได้ผลดี ทดลองในมนุษย์เฟสหนึ่งเสร็จสิ้นแล้ว พบว่าปลอดภัยดี ภูมิคุ้มกันขึ้นในระดับปานกลาง

2. วัคซีนรุ่นที่หนึ่ง เวอร์ชั่น 1.2 ยังคงเป็นไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น แต่ได้ปรับตัวกระตุ้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม ทดลองในคนเฟสหนึ่ง ตั้งแต่มีนาคม 2565 พบว่าระดับภูมิคุ้มกันขึ้นสูงกว่าวัคซีน 1.1 ที่ใช้ตัวกระตุ้นแบบเดิม จะสามารถสรุปผลได้เร็วเร็วนี้

3. วัคซีนรุ่นที่สอง หรือวัคซีนสองสายพันธุ์ เป็นการพัฒนาโดยใช้ไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่นรวมกับโอไมครอน ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับวัคซีนสองสายพันธุ์ของ Pfizer และ Moderna

ปัจจุบันทดลองในสัตว์ทดลองทั้งหนูและลิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถที่จะเริ่มทดลองในคนได้ต่อไป แต่อาจจะต้องชะลอออกไป เพราะไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ทำให้วัคซีนชนิดสองสายพันธุ์แม้เป็นของสหรัฐอเมริกาเอง ก็มีประสิทธิผลที่ไม่ดีมากนัก

4. วัคซีนเจนเนอเรชั่นที่สาม หรือวัคซีนรุ่น 3 เป็นการพัฒนาของใบยาไฟโตฟาร์มเอง ที่จะทำให้วัคซีนสามารถรับมือกลุ่มของไวรัสโคโรนาได้ทั้งหมด (Pancorona virus) ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง มีการคาดการณ์ว่าอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองปี

LINE ALBUM วัคซีนโควิดรพ.สนามยาหมอพร้อม ๒๒๐๘๑๖ 1

 

แต่มีข้อดีคือ ไม่ว่าไวรัสจะกลายพันธุ์ไปอย่างไร วัคซีนดังกล่าวก็จะสามารถรองรับไวรัสได้ทุกสายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มของโคโรนาไวรัสด้วยกัน

นับเป็นความคืบหน้าล่าสุด เกี่ยวกับการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ที่น่าสนใจและสมควรแก่การติดตามให้กำลังใจกับทีมนักวิจัยไทย ซึ่งมีความสามารถไม่ด้อยไปกว่านักวิจัยต่างประเทศ

แม้จะมีข้อจำกัดหลายประการ ทั้งเรื่องอุปกรณ์การวิจัย การหาอาสาสมัครกลุ่มควบคุมที่ยังไม่ฉีดวัคซีนและยังไม่เคยติดโควิดตามธรรมชาติ ตลอดจนเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ที่ทำให้การวิจัยไม่สามารถดำเนินการได้รวดเร็วอย่างที่ทุกฝ่ายต้องการ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo