‘โควิดขาขึ้น’ พบเด็ก 6 ขวบติดเชื้อเสียชีวิต เผยมีโอกาสเกิดภาวะ MIS-C อักเสบหลายระบบ ย้ำผู้ปกครอง รีบพาเด็กไปรับวัคซีน
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้พบผู้ติดเชื้อและป่วยด้วยโรคโควิด 19 เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นลง และมีการเปิดเทอม รวมถึงมีวันหยุดยาว ประชาชนจึงเดินทางออกไปทำกิจกรรมต่างๆ
สถานการณ์การระบาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 20 – 26 พฤศจิกายน 2565 รายงานผู้ป่วย 19 รวม 4,914 ราย เฉลี่ย 702 รายต่อวัน มีผู้ป่วยปอดอักเสบ 553 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 319 ราย และผู้เสียชีวิต 74 ราย เฉลี่ย 10 รายต่อวัน
เด็ก 6 ขวบเสียชีวิต พบมีโรคประจำตัวเรื้อรัง และไม่ได้รับวัคซีน
ส่วนกรณีมีรายงานข่าวเด็กอายุ 6 ขวบ ติดเชื้อและเสียชีวิตที่จังหวัดนครราชสีมานั้น กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จ.นครราชสีมา ลงพื้นที่สอบสวนโรคร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พบว่าผู้เสียชีวิตรายดังกล่าวมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ประกอบกับไม่ได้รับวัคซีนโควิด 19 จึงทำให้มีอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต
ส่วนสถานการณ์การฉีดวัคซีนในเขตสุขภาพที่ 9 มีพื้นที่รับผิดชอบ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.ชัยภูมิ จ.บุรีรัมย์ และจ.สุรินทร์ ข้อมูลตั้งแต่วันที่ (5 เมษายน – 11 พฤศจิกายน 2565) พบว่า ประชาชนฉีดเข็มที่ 1 (75.56%) เข็มที่ 2 (71.3%) เข็มที่ 3 (33.8%) เข็มที่ 4 (5%)
จึงขอแนะนำกลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือนแล้ว เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว รวมทั้งพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลศูนย์ได้ทุกวัน รวมทั้งจุดฉีดที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซานครราชสีมา ชั้น 4 วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลข่าวการฉีดวัคซีนได้ที่ Facebook fanpage : โรงพยาบาลมหาราช
ฉีดวัคซีน ป้องกัน MIS-C ได้
ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า เด็กที่ไม่ฉีดวัคซีนเมื่อติดเชื้อจะมีโอกาสป่วยหนัก เนื่องจากเกิดกลุ่มอาการอักเสบหลายระบบของอวัยวะภายในในเด็ก (Multisystem inflammatory syndrome in children: MIS-C) จนมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ แต่วัคซีนสามารถป้องกันภาวะการป่วยนี้ได้
จึงขอให้ผู้ปกครองรีบพาบุตรหลานของท่านไปฉีดวัคซีนโดยเร็ว ทั้งเด็กเล็กอายุ 6 เดือน – 4 ปี (วัคซีนฝาสีแดง) และอายุ 5-11 ปี (วัคซีนฝาสีส้ม) เพื่อเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันในช่วงฤดูหนาวที่มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
และขอย้ำว่า วัคซีนสำหรับเด็กเล็กฝาสีแดงมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา ยังไม่พบเด็กมีอาการแพ้วัคซีนแต่อย่างใด
มาตรการป้องกันตนเอง
นอกจากนี้ ขอแนะนำมาตรการป้องกันตนเองจากโรคโควิด 19 ดังนี้
- ประชาชนควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบ 4 เข็ม ซึ่งสามารถเดินทางไปฉีดวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- กลุ่มเสี่ยง 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือฉีดเข็มสุดท้ายเกิน 6 เดือนแล้ว สามารถรับการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Long-acting Antibodies; LAAB) ซึ่งจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในผู้ที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป เมื่อฉีดเข้าไปแล้วร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อได้สูงทันทีหลังฉีด
- สำหรับผู้ที่ไปทำกิจกรรมในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้สูงอายุที่ยังไม้ได้ฉีดวัคซีน
- กลุ่มเสี่ยง 608 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือฉีดเข็มสุดท้ายเกิน 6 เดือนแล้ว ให้งดทานข้าวร่วมกับผู้อื่น หรือไม่เข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากโดยไม่สวมหน้ากาก
- ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ เช่น โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และรถโดยสารขนส่งสาธารณะ รวมทั้งเมื่ออยู่ใกล้ชิดผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด 19
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอยง’ ไขข้อเท็จจริง คิดแบบง่ายๆ ‘เดลตาครอน’ จะมีโอกาส ระบาดในไทย หรือไม่?
- อย่าเพิ่งตกใจ! ศูนย์จีโนมฯ เผย ‘เดลตาคsอน’ จะมาแทนทื่ BA.5 และ BA.2.75 ไม่ง่าย เพราะเหตุนี้?
- สธ.ปรับแนวทางรักษา ‘โค วิด’ ให้ ‘LAAB’ ในผู้ป่วยเบาหวาน หัวใจ หลอดเลือด และถุงลมโป่งพอง เริ่มวันนี้