POLITICS-GENERAL

‘ศรีสุวรรณ’ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบ ‘กกพ.’ ปล่อยไฟฟ้าล้นประเทศ ต้นเหตุค่าไฟพุ่ง

ศรีสุวรรณ” ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบกกพ.ปล่อย ให้มีไฟฟ้าล้นประเทศ ต้นเหตุค่าไฟฟ้าพุ่ง ทำประชาชนเดือดร้อน  

วันนี้เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องกับผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้สอบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และขอให้สั่ง ยกเลิก เลื่อน หรือชะลอ การสร้างและซื้อขายไฟฟ้า

S 189628440

นายศรีสุวรรณ กล่าวถึงเหตุของการร้องเรียนครั้งนี้ว่า สมาคมฯได้ศึกษาต้นเหตุ ที่แท้จริง ที่ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าแต่ละครัวเรือน ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงในแต่ละเดือน หรือทุกรอบบิลเรียกเก็บค่าไฟฟ้า มีต้นเหตุหลักมาจากการคำนวน และการกำหนดการใช้ไฟฟ้าที่ผิดพลาดของกกพ. หรือที่เรียกว่าแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ  PDP 2015 และ PDP 2018

โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นกลไกในการทำตามแผนนี้

ทั้งนี้ ปัจจุบันการใช้ไฟฟ้าของคนไทย ทั้งประเทศ อยู่ที่ 28,636 เมกกะวัตต์ต่อวันเท่านั้น แต่กลับปล่อยให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ๆขึ้นมาตลอดเวลา โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าของเอกชน และซื้อไฟฟ้ามาจากต่างประเทศสะสมมากถึง 45,595 เมกกะวัตต์ ไม่รวมโรงไฟฟ้าที่ผู้ประกอบการผลิตเอง ใช้เอง และไฟฟ้าบนหลังคาเรือนของชาวบ้าน รวมทั้งหมดอาจมีมากกว่า 55,000 เมกกะวัตต์

โดยเป็นสัดส่วนที่ กฟผ. ผลิตได้เพียง 15,424 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 33.83 % เท่านั้น ส่วนเอกชนมีปริมาณการผลิตมากถึง 30,171 เมกะวัตต์ หรือ 66.17 % ซึ่งทำให้มีปริมาณไฟฟ้าสำรองล้นประเทศ หรือมากถึง 16,595 เมกกะวัตต์ หรือ 59% เกินกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ประมาณ 15% เท่านั้น

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้น ภาครัฐต้องจ่ายให้เอกชนทุกหน่วย ที่ผลิตตามเงื่อนไขสัญญาที่ผูกมัดกันมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งจะใช้ไฟฟ้า หรือไม่ รัฐก็จ้องจ่ายให้เอกชนตลอดเวลา หรือเรียกว่าค่าพร้อมจ่ายนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าเงิน ที่ภาครัฐจ่าย ก็คือเงินที่ซ่อนอยู่ในสูตรค่าไฟ และบิลค่าไฟฟ้าที่ทุกครัวเรือนได้รับ คิดเป็นเงินถึง 2 แสนล้านบาท 

ดังนั้น กกพ.และกระทรวงพลังงาน จะต้องรีบแก้ไขปัญหาดังกล่าว เป็นการเร่งด่วน ดังนี้

1. ยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือสัญญาที่ยังไม่สมบูรณ์ 6,149 เมกะวัตต์ เช่น โรงไฟฟ้าตามโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ใหม่ (ภาคตะวันตก) 1,400 เมกะวัตต์ เป็นต้น

รวมถึงโรงไฟฟ้าเชิงนโยบาย หรือโรงไฟฟ้าชุมชน ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลประชารัฐ โรงไฟฟ้าขยะตามนโยบาย โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ และผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็กมาก รวม 2,099 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้า ที่จะเกิดขึ้นระหว่างปี 2568-2569 จำนวน 1,950 เมกะวัตต์  และโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่สปป.ลาว 700 เมกะวัตต์

2. เลื่อนการซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาแล้วไปอีก 2-3 ปี เดิมจ่ายไฟปี 2564-2569 เช่น โรงไฟฟ้าตามโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) รวม 974.4 เมกะวัตต์

3. ชะลอการสร้างโรงไฟฟ้า เดิมจ่ายไฟปี 2570-2571 รวม 5,588 เมกะวัตต์

S 189628438 ตัด

” การผลักดันให้มีการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทั้งๆที่มีไฟฟ้าล้นประเทศแล้วในขณะนี้ เชื่อว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน เพราะผู้กำหนดนโยบาย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามสัญญา กลับเป็นการผลักภาระให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกมิเตอร์ ทุกหม้อแปลง ทุกครัวเรือนทั่วประเทศ โดยไม่เคยพูดความจริงกับประชาชน ดังนั้นเพื่อระงับปัญหาดังกล่าว สมาคมฯ จึงต้องนำมาร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้สอบหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้สั่ง ยกเลิก เลื่อน หรือชะลอ การสร้างและซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวเสีย “ นายศรีสุวรรณ กล่าว

Avatar photo