สาธารณสุข ตั้งคลินิกไข้หวัด (Fever and ARI clinic) บริการเบ็ดเสร็จจุดเดียว ไม่ให้ผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวังปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป ลดการแพร่กระจายเชื้อ พร้อมกำชับให้สถานพยาบาลรัฐ-เอกชน ยึดเวชปฏิบัติ ดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
วันนี้ (3 ก.พ.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ประชุมเตรียมความพร้อมการจัดระบบบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในกรุงเทพฯ กรณีโรคติดเชื้อจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยมีผู้บริหาร บุคลากรทางการแพทย์ จากกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าร่วมประชุม เพื่อเตรียมพร้อมรับการระบาดของโรค
ดร.สาธิต กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ในการจัดระบบการรักษาพยาบาล เตรียมความพร้อมสำหรับสถานพยาบาล ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงได้ให้โรงพยาบาลในเครือข่าย จัดตั้ง “คลินิกไข้หวัด” (Fever and ARI clinic) บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว ไม่ให้ผู้ป่วยที่เข้าข่ายเฝ้าระวังไปปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป
ทั้งนี้เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ โดยจะใช้โรงพยาบาล ในสังกัดกรมการแพทย์ เป็นต้นแบบ ช่วยให้การคัดกรองผู้ป่วยมีความถูกต้อง รวดเร็วและตรงกับโรค เนื่องจากปัจจุบัน มีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสม (PUI) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นการรับผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษา ที่โรงพยาบาลเอง ขอความร่วมมือให้สถานพยาบาลแต่ละแห่ง รับผู้ป่วยตามเกณฑ์ และปฏิบัติตามแนวทางของผู้เชี่ยวชาญจากกรมการแพทย์ เพื่อสะดวกต่อการจัดระบบส่งต่อผู้ป่วย และบริหารทรัพยากรเตียงร่วมกันอย่างรวดเร็วและทั่วถึงมีศูนย์รับส่งต่อ โรงพยาบาลราชวิถี เป็นศูนย์ประสานงาน
นอกจากนี้ให้บุคลาการทางการแพทย์ มีความตระหนัก และมีความรู้ ความเข้าใจ ใช้หลักการตามแนวทาง เวชปฏิบัติในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการปรับข้อมูล ให้เป็นปัจจุบันโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากกระทรวงสาธารณสุข และคณาจารย์จากคณะแพทย์ ของมหาวิทยาลัย และราชวิทยาลัยต่างๆ
โดยขอให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ ประชาชนในพื้นที่ หรือในชุมชน ได้ทราบเกี่ยวกับ การปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันตัวเอง และป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือ มีมลภาวะ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม ควรพกหน้ากากอนามัยไว้ติดตัว เพื่อป้องกันตนเอง หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ หากมีไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที