POLITICS-GENERAL

4 หน่วยงานจับมือวิจัยพัฒนา ‘กัญชากัญชง’ สายพันธุ์ไทยครบวงจร

4 หน่วยงานจับมือสร้างเครือข่ายวิจัยพัฒนา และผลิตสายพันธุ์กัญชากัญชงครบวงจร เน้นพันธุ์ไทย ให้ได้มาตรฐานเมดิคัลเกรดเทียบเท่าต่างประเทศ รองรับการวิจัยทดลองทางคลินิก และรักษาผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการรักษาด้วยช่องทางพิเศษ (SAS) 

603091

กรมการแพทย์ องค์การเภสัชกรรม จับมือสร้างเครือข่ายกับ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิจัย พัฒนา และผลิตสายพันธุ์กัญชา และกัญชง ตามมาตรฐานเกรดทางการแพทย์ หรือเมดิคัลเกรด (Medical Grade) เทียบเท่าต่างประเทศ แบบครบวงจร ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เน้นสายพันธุ์ไทยให้มีศักยภาพของสารสำคัญตามความต้องการทางการแพทย์ และส่วนพันธุ์ลูกผสมปรับปรุง ให้สามารถปลูกภายใต้สภาพภูมิอากาศประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

รักษาผู้ป่วย SAS 

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ก่อนอื่นขอย้ำว่าการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ไม่ใช่เป็นทางเลือกอันดับแรกในการรักษาโรค แต่จะใช้เมื่อรักษาด้วยยาตามมาตรฐานการรักษาแล้วไม่ได้ผล จึงทำให้คาดการณ์ว่าประเทศไทย จะมีความต้องการสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ทั้ง  Tetrahydrocannabinol (THC) และ cannabidiol  (CBD) เพิ่มขึ้น ซึ่งสารทั้ง 2 มีเป็นสาระสำคัญที่มีอยู่ในต้นกัญชาและกัญชง

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้มีน้ำมันสารสกัดที่เพียงพอ และมีคุณภาพได้มาตรฐานเกรดทางการแพทย์หรือเมดิคัลเกรด สำหรับนำไปใช้ในการวิจัยพัฒนาทดลองทางคลินิก และรักษาบรรเทาโรคต่างๆ ให้แก่ผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการรักษาด้วยช่องทางพิเศษ หรือ Special Access Scheme (SAS) ซึ่งเป็นการรักษาผู้ป่วย และเก็บข้อมูลการวิจัยควบคู่กันไป

ทั้งนี้สายพันธุ์กัญชา กัญชงที่มีการปลูก การเก็บเกี่ยวที่ดี เป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานการปฏิบัติด้านการเพาะปลูกที่ดี หรือ GAP (Good Agricultural Practice; GAP : Propagation and Cultivation) จะทำให้ได้วัตถุดิบที่ดี

มีสารสำคัญเป็นตามมาตรฐาน ปลอดภัยปราศจากสารพิษปนเปื้อน และมีจำนวนที่เพียงพอ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และต้องดำเนินการแบบครบวงจร ซึ่งกรมการแพทย์ องค์การเภสัชกรรม และสถาบันการศึกษาทั้ง 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำที่มีชื่อเสียง และประสบการณ์ด้านการเกษตรของประเทศ จะทำการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ต้นกัญชา และกัญชงโดยเน้นสายพันธุ์ไทย

ส่วนสายพันธุ์ลูกผสมต้องปรับปรุงพันธุ์ให้ปลูกได้ในสภาพอากาศแบบประเทศไทย ตลอดจนศึกษาสภาพแวดล้อม และระบบการปลูกที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ต้นกัญชา และกัญชงที่มีสัดส่วนสารสำคัญเหมาะสมสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้

โดยผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง ที่มีแพทย์ที่ผ่านการอบรม และได้หนังสือรับรอบให้สั่งจ่ายน้ำมันกัญชาได้ ซึ่งจะดำเนินการรักษาตามแนวทางของกรมการแพทย์ พร้อมกับบันทึกข้อมูลผลการรักษาเพื่อใช้ประโยชน์ในการขึ้นทะเบียนยาต่อไป

ต้องทำครบวงจรต้นน้ำ-ปลายน้ำ

นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยไม่ต้องพึงพาต่างประเทศ ประเทศไทยต้องมีการดำเนินการเองอย่างครบวงจร เมื่อได้มีการวิจัย พัฒนากัญชา และกัญชงสายพันธุ์ไทยได้มาตรฐานเกรดทางการแพทย์ และสามารถปลูกได้ในสภาพอากาศของประเทศไทย น่าจะทำให้ต้นทุนของวัตถุดิบต่ำลง

เพราะทำตั้งแต่ต้นน้ำ คือ วิจัย พัฒนา คัดเลือก สายพันธ์ และการปลูกต้นกัญชาเป็นวัตถุดิบ ที่มีสารสำคัญเหมาะสมทางการแพทย์ ปลอดจากสารพิษ ส่วนกลางน้ำ คือ วิจัย พัฒนา ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาที่มีสาร THC และ CBD ตลอดจนสารอื่นๆ ตามความต้องการของแพทย์ในการใช้รักษาผู้ป่วย

ส่วนปลายน้ำคือ การนำไปใช้รักษา บรรเทาอาการกับผู้ป่วยแบบ SAS ซึ่งเป็นการรักษาผู้ป่วย และเก็บข้อมูลการวิจัยควบคู่กันไป รวมถึงการนำไปศึกษา วิจัยทดลองทางคลินิกของแพทย์ และทีมผู้วิจัยด้วย

ทั้งนี้องค์การเภสัชกรรม เป็นหน่วยงานหลักหน่วยงานหนึ่ง ที่เน้นการดำเนินงานในส่วนของกลางน้ำ ทำหน้าที่การวิจัยพัฒนา และผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ที่ได้จากสาระสำคัญในกัญชา และกัญชง เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

นอกจากนั้นในส่วนของปลายน้ำ ยังอยู่ในขั้นวิจัย พัฒนา ผลิตภัณฑ์ โดยองค์การได้ร่วมมือ กับกรมการแพทย์ทำการศึกษาวิจัย พัฒนา ผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชากับผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ โดยจะเริ่มวิจัยในปลายเดือนกรกฎาคมนี้

และในต้นปี 2563 องค์การเภสัชกรรมจะนำกำลังการผลิตส่วนหนึ่ง ไปผลิตสารสกัดจากวัตถุดิบกัญชา และกัญชงที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์จากการพัฒนาสายพันธุ์และปลูกจากของมหาวิทยาลัย ทั้ง 2 แห่ง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงสารสกัดกัญชา และกัญชงมาตรฐานทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น และจะได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับมหาวิทยาลัยทั้ง 2 ด้วย นับเป็นความร่วมมือของหน่วยงานในประเทศเพื่อคนไทยได้ใช้กัญชาเกรดทางการแพทย์เทียบเท่าผลิตภัณฑ์ต่างประเทศ

ทั้งนี้กัญชามี “แคนนาบินอยด์” ที่มีสารสำคัญ THC และ CBD เป็นสารสำคัญหลัก และยังมีสารอื่นๆ อีกกว่า 400 ชนิด โดยสารสำคัญ THC และ CBD เป็นสารมีสรรพคุณทางการแพทย์หลายประการ ไม่ใช่เฉพาะพืชกัญชาที่มีสารสำคัญ CBD เท่านั้น แต่ต้นกัญชง มีคุณสมบัติผลิตสาร CBD ที่มีประโยชน์ทางการแพทย์เช่นกัน และคาดว่าในปี 2563 องค์การอนามัยโลกจะถอดสาร CBD ออกจากการบัญชียาเสพติด จะทำให้ประเทศไทย และทั่วโลกมีความต้องการใช้ สาร CBD จากกัญชาและกัญชงเพิ่มขึ้น

seedling 1062908 640

แม่โจ้เตรียมพื้นที่ปลูก 6,000 ตรม.

ผศ.พาวิน มโนชัย รักษาการแทนรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีความพร้อม และได้เตรียมพื้นที่ไว้ศึกษา การวิจัยและการผลิตกัญชา และกัญชงเพื่อใช้ทางการแพทย์ ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 3,000 ตารางเมตร และมหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดแพร่ ขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 3,000 ตารางเมตรเช่นกัน

โดยทีมวิจัย และพัฒนาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ทั้งสองแห่ง จะร่วมกับนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญจากหลายสถาบัน ดำเนินการวิจัยพัฒนาสายพันธุ์กัญชา และกัญชงให้ได้ตามมาตราฐานเกรดทางการแพทย์ การผลิตเมล็ดพันธุ์ และวิจัยเปรียบเทียบวิธีการปลูกที่เหมาะสม เพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับเกษตรกรต่อไป

โดยการวิจัย และพัฒนาสายพันธุ์กัญชาและกัญชง จะดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการปลูกในลักษณะโรงเรือนระบบปิด (indoor) การปลูกในแบบเรือนกระจก (green house) และการปลูกกลางแจ้ง (outdoor) และจะใช้แนวทางของระบบเกษตรอินทรีย์ (organic) เป็นหลักในการดำเนินการ เพื่อให้ได้ผลผลิตกัญชาและกัญชงที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามที่ทางองค์การเภสัชกำหนดไว้

ราชมงคลล้านนาเน้นปลูกสายพันธุ์ไทย

ด้าน ดร.สุรพล ใจวงศ์ษา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา กล่าวว่า มหาวิทยาลัยได้เตรียมพื้นที่ไว้ 2 แห่ง คือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และที่สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตรของมหาวิทยาลัย ที่จังหวัดลำปาง จำนวน 2,200 ตารางเมตร สำหรับปลูกเพื่อเก็บดอก แห่งละ 1,800 ต้น และสำหรับวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ อีกแห่งละ 200 ต้น

ในเบื้องต้นจะทำการปลูกสายพันธุ์ไทย ”ภูพานด้ายแดง” โดยใช้เมล็ดพันธุ์จากการนิรโทษกรรม และนำไปขยายพันธุ์ต่อ ส่วนการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ จะเน้นพันธุ์ไทยก่อนควบคู่กับพันธุ์ลูกผสม เพื่อศึกษาความเหมาะสมของสายพันธุ์กับสภาพแวดล้อมและการปลูกของประเทศไทย เพื่อให้ได้พืชกัญชาและกัญชง

Avatar photo